GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
ผลการค้นหา : "The Witcher Series"
The Witcher Season 2 จะดำเนินเรื่องอยู่ในไทม์ไลน์เดียว และจะพร้อมถ่ายทำเร็วๆ นี้!
The Witcher Season 1 นั้นคือทุกสิ่งที่แฟนๆ ต้องการจากการดัดแปลงมาเป็นทีวีซีรีส์ แต่มันก็ยังทำให้ผู้ชมบางคนงุนงงจากการแยกเรื่องราวออกเป็นหลายไทม์ไลน์ Geralt, Yennefer และ Ciri ต่างก็เริ่มใน Season เดียวกัน แต่อยู่กันคนละช่วงเวลา และสถานที่ มีแค่การบอกใบ้เกี่ยวกับสถานที่ในช่วงเวลาที่เหตุการณ์นั้นๆ เกิดขึ้น แต่ The Witcher Season 2 นั้นจะเปลี่ยนไป ในช่วงท้ายของ Season แรกเส้นทางของทั้งสามคนได้มาบรรจบกัน ทำให้การเรียงไทม์ไลน์นั้นง่ายขึ้น และเป็นหนึ่งเดียวกัน ผู้อำนวยการผลิต Lauren Hissrich ยืนยันว่าภาคนี้จะเป็นไปตามโครงเรื่องแบบดั้งเดิมมากขึ้น Lauren กล่าวกับ The Warp ว่า "เราจะได้เห็นตัวละครทั้งหมดอยู่ไทม์ไลน์เดียวกันใน Season 2" ในช่วงเริ่ม Season แรกนั้น Geralt มีอายุประมาณ 100 ปีแล้ว แต่เราจะได้เห็นอดีตของเขาเช่น ตอนเขาได้เป็น Witcher และตอนที่ได้พบกับที่ปรึกษาของเขา Vesemir เป็นครั้งแรก แต่ใน Season 2 นี้จะได้เห็นตัวของเขากับเพื่อนร่วมงานของ Geralt บางคน เราจะได้เห็นตัวละครเหล่านี้ที่มีประวัติมายาวนานร่วมกับ Geralt บางทีเราอาจได้เห็นวันแรกๆ ของเขาในฐานะ Witcher ก็ได้ นั่นคือสิ่งที่ Lauren กำลังบอกใบ้เกี่ยวกับ Season 2 ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำให้ Geralt กลับสู่รากเหง้าเดิมของเขาและเราจะได้รู้ว่าเขามาจากไหน Lauren กล่าวว่าเธอมอง The Witcher นั้นเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับครอบครัวด้วย Geralt, Ciri และ Yennefer ต่างก็ค้นพบกันและกัน เพื่อที่จะทำความเข้าใจความสัมพันธ์ของพวกเขา เราต้องเข้าใจ Witcher ที่ Geralt เติบโตมาด้วย เรายังไม่รู้วันที่ Season 2 จะฉาย ตอนแรกการถ่ายทำกำลังเริ่ม แต่ต้องเลื่อนออกไปเนื่องจากเหตุการณ์ COVID-19 ซึ่งดูเหมือน The Witcher จะสามารถถ่ายทำต่อได้ในเร็วๆ นี้ และทางสตูดิโอเริ่มกระบวนการถ่ายทำใหม่เมื่อต้นเดือน 2 มิถุนายน ที่ผ่านมา Arborfield Studio ที่ถ่ายทำ The Witcher ได้ประกาศว่าจะพร้อมสำหรับถ่ายทำในอีกไม่กี่สัปดาห์ Credit : PCGAMER สำหรับข่าวสารเกมที่น่าสนใจ คลิ๊ก!
16 Jun 2020
รวมข้อมูลเกี่ยวกับซีรีส์ The Witcher Season 2
ถือว่าประสบความสำเร็จมาก ๆ แล้วสำหรับซีรีส์ The Witcher ฉบับ Netflix ที่ได้คะแนนมากถึง 63% ใน Rotten Tomatoes ในฝั่งของ Tomatometer และ 93% สำหรับคะแนนของฝั่งผู้ชมทางบ้าน ทำให้หลาย ๆ คนกำลังมองหาถึงซีซันต่อไป วันนี้พวกเรา GameFever TH จึงขอรวบรวมข้อมูลที่มีในตอนนี้สำหรับ The Witcher Season 2 เนื้อเรื่อง เนื้อเรื่องของ The Witcher Season 2 จะเริ่มต่อจาก Episode 8 ของซีรีส์แรก หลังจากที่ Garalt ได้เจอกับ Ciri แล้วและพวกเขากำลังถามหา Yenefer ซึ่งหลาย ๆ คนมองว่าเนื้อเรื่องจะของซีซันต่อไปน่าจะเล่าเกี่ยวกับการที่ Garalt ฝึกฝน Ciri ให้เรียนรู้เกี่ยวกับพลังของตัวเอง รวมถึงตามหา Yenefer และอาจจะเล่าเรื่องราวในนิยายภาค Blood of Elves ที่ Garalt พา Ciri ไปยัง Kaer Morhen เพื่อฝึกฝนให้เธอสามารถต่อสู้กับเหล่าสัตว์ประหลาดต่าง ๆ และเป็นการปกป้องเธออีกทางจากจักรพรรดิของ Nilfgaard ที่ต่างก็อยากได้ตัวเธอเช่นกัน  นอกจากนี้สำหรับใครที่งง Timeline ในซีซันแรกในซีซันถัดไปทางผู้กำกับสัญญาว่าจะเล่าให้เป็นเส้นตรงมากขึ้น ดารานักแสดง สำหรับใน Season ที่สอง นักแสดงหลักยังคงเป็น Henry Cavill ในบท Garalt of Rivia , Anya Chalotra ในบทของ Yennefer และ Freya Allan ในบทของ Ciri ซึ่งมีข่าวแว่ว ๆ ว่าทางแฟน ๆ ของซีรีส์อยากที่จะได้ Mark Hamill มารับบทเป็น Vesemir แต่ในตอนนี้เจ้าตัวยังคงยืนยันว่ายังไม่ได้รับการติดต่อมาจากทีมงาน ทำให้เรื่องดารานักแสดงของซีซันต่อไปยังคงไม่ได้รับการเปิดเผยในตอนนี้ ความคืบหน้าในการถ่ายทำ ในตอนนี้ซีรีส์ The Witcher Season ที่ 2 อยู่ในขั้นตอนของการ Pre - Production หรือกระบวนการในการเริ่มการถ่ายทำ หานักแสดง เขียนบท รวมถึงหาสถานที่ในการถ่ายทำอยู่ในขณะนี้ โดยกำหนดการในการฉายซีรีส์หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ว่าจะมาในปี 2021 แผนระยะยาวของซีรีส์ The Witcher Lauren Schmidt Hissrich โปรดิวเซอร์ของซีรีส์นี้ได้กล่าวเคยกล่าวไว้ว่าพวกเขาวางแผนที่จะฉายซีรีส์ยาวถึง 7 Season และมีเนื้อหาจากนิยายมากพอที่จะทำได้ถึง 20 Season ทำให้หากกระแสของซีรีส์นี้ดังอย่างต่อเนื่อง เราคงจะได้ดูซีรีส์ The Witcher กันไปจนถึงรุ่นหลาน (ฮา) The Witcher ฉบับ Netflix ถือว่าทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมมาก สำหรับใครที่ยังไม่เคยดูแนะนำว่าให้รีบหามาดูโดยด่วนและหากยังอารมณ์ค้างเรามีคำแนะนำตามบทความนี้เลย  ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่  
14 Jan 2020
Yennefer vs Triss เลือกใครดีและเหตุผลที่ไม่ควรเก็บเธอไว้ทั้งสองคน
The Witcher 3 : Wildhunt ถือว่าเป็นหนึ่งในเกมที่ได้รับความนิยมมากในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากกระแสของซีรีส์ The Witcher ฉบับ Netflix ที่ทำให้ใครหลาย ๆ คนหยิบเกมนี้ขึ้นมาเล่นอีกครั้งหนึ่ง ตัวเกมแม้จะเก่าแล้วแต่ก็มีความยอดเยี่ยมในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านของเนื้อเรื่องที่ผลกระทบของเหตุการณ์ต่าง ๆ จะเกิดขึ้นจากการเลือกของผู้เล่น ทำให้หลาย ๆ คนลงทุนรีเซฟหรือว่าบางครั้งถึงกับเล่นใหม่เพื่อเปลี่ยนการตัดสินใจเลยก็มี และหนึ่งในตัวเลือกที่ยากที่สุดในเกมจนกลายเป็นประเด็นเล็ก ๆ ไปจนถึงการโต้วาทีคือ "Yennefer กับ Triss เลือกใครดี" ปล.บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาของเกม Yennefer กับ Triss รักสามเส้าของ Garalt หากใครที่ยังไม่เคยเล่นเกม The Witcher 3 หรืออ่านนิยายมาอาจจะไม่ค่อยเข้าใจว่าสามคนนี้เกี่ยวข้องอะไรกัน หากจะนิยามสั้น ๆ คือ ทั้งสามคนนี้มีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนาน โดย Yennefer และ Triss เป็นสองจอมเวทย์แห่งโลก The Witcher ที่เผอิญต้องมีชะตาเกี่ยวข้องกับ Garalt อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดย Yennefer ถือว่าเป็นคนรักเก่าของเขาที่อยู่ด้วยกันมานาน ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ในวันที่ 25 กันยายน 1268 เมื่อในเมือง Rivia ได้เกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ขึ้น Garalt ที่ออกมาปกป้องคนแคระกับเหล่า Elf ถูกทำร้ายอย่างหนักจนเขาเสียความทรงจำ Yenneferเองก็ถูกทำร้ายอย่างรุนแรงเช่นกันเนื่องจากเธอได้ช่วยรักษาบาดแผลให้กับเขา หลังจากเหตุการณ์นั้น Garalt ได้เสียความทรงจำ ทำให้เขาไปเจอกับจอมเวทย์หญิงอีกคนอย่าง Triss แทนและทั้งสองก็รักกันเรื่อยมาจนกระทั่ง Garalt ได้ความทรงจำกลับคืนมาและออกตามหา Yennefer จึงทำให้เกิดเรื่องวุ่น ๆ นี้ จุดเด่นของทั้งสองคน สำหรับใครที่ยังไม่เลือกใครดีผู้เขียนจะขอแนะนำตัวของทั้งสองคนแบบย่อ ๆ ให้เหล่าเกมเมอร์ได้นำไปพิจารณากัน โดย Yennefer แม้ว่าหน้าของเธอจะเหมือนกับหญิงสาวอายุ 20 กว่า ๆ แต่ว่าในความเป็นจริงเธอมีอายุเกือบจะ 100 กว่าปีแล้ว ทำให้เธอเป็นจอมเวทที่ทรงพลังมาก ในขณะเดียวกันการที่เธอผ่านอะไรมาเยอะทำให้เธอมีความเย็นชา พร้อมกับนิสัยของประพูดประชดประชัน ที่ทำเอา Garalt ต้องปวดหัวไปตาม ๆ กัน ในขณะที่ Triss ก็เป็นจอมเวทหญิงอีกคนที่ทรงพลังมากเช่นกันและมีจุดเด่นคือเวทไฟที่ใครเห็นแล้วต้องหวาดกลัว โดย Triss เนื่องจากที่เธอเป็นจอมเวทหญิงที่มีอายุน้อยที่สุด ทำให้เธอมักจะใช้อารมณ์ในบางครั้งประมาณว่า หากเธออารมณ์ดีเธอจะกลายเป็นผู้หญิงที่ใคร ๆ ก็หลงรัก แต่หากเธอโมโหละก็ตัวใครตัวมัน ซึ่งทั้งสองก็เป็นเสมือนกับตัวแทนของผู้หญิงที่เราชอบ ชอบใครก็เลือกคนนั้น ผลกระทบของการเลือกและไม่เลือก ในเกม The Witcher 3 เราจะมีภารกิจที่ต้องเกี่ยวข้องกับทั้งสองคนอยู่บ่อยครั้ง ทั้งภารกิจเสริมและภารกิจหลัก โดยเมื่อเราเล่นไปถึงจุดหนึ่งเราสามารถที่จะบอกรักตัวละครทั้งสองได้ และมีกิจกรรมร่วมกันได้ ซึ่งผู้เขียนไม่สามารถบอกได้เนื่องจากจะทำให้เว็บ Gamefever ของเราโดนแบนได้(ฮา) โดยผลกระทบจากการเลือกของเรานั้นจะไปส่งผลกับสามเควสหลักและฉากจบของเกม เควส Something Ends, Something Begins สำหรับเควสนี้เป็นเควสหลักก่อนจบเกม โดยหากเราเลือกคนใดคนหนึ่งและจบแบบ Good ending คนที่เราเลือกจะมาอยู่กับเราในบ้านหลังเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ในขณะเดียวกันหากเราไม่เลือกใครเลยเราจะกลายเป็น Witcher ผู้แสนโดดเดี่ยว เควส It Takes Three to Tango หากคุณเป็นคนเจ้าชู้เลือกทั้งสองคนคุณจะได้เควสนี้ โดยสองสาวจะหลอกให้คุณไปเตรียมไวน์มาเนื่องจากจะมีกิจกรรมพิเศษบางอย่าง แต่แล้วคุณก็ถูกสาวสองนี้เอาคืนอย่างเจ็บแสบ เควส Be It Ever So Humble... (DLC Blood and Wine) [caption id="attachment_38816" align="alignnone" width="1024"] รูปภาพจาก witcher.fandom.com[/caption] ในเควสสุดท้ายของ DLC : Blood and Wine เมื่อเรากลับไปถึงบ้านหากเราเลือกรักคนไหน หญิงสาวคนนั้นจะมาอยู่รอเราที่บ้าน หากคุณไม่เลือกใครและจบแบบ Good Ending คุณจะเจอกับ Ciri แทน แต่ถ้าไม่เลือกใครและจบแบบ Bad Ending เราจะเจอกับ Dandelion รวมถึงการเล่นแบบเลือก DLC นี้อย่างเดียวตั้งแต่เริ่มเกมก็จะเจอเขาเช่นกัน สรุป Yennefer และ Triss เปรียบเสมือนกับการที่ทาง CD Projekt ใส่เข้ามาเพื่อที่จะทดสอบเหล่าเกมเมอร์ว่า ในยามที่เราจะต้องเลือกใครสักคนและเราต้องตัดใจจากอีกคนคุณจะรับมือได้ไหม ซึ่งในชีวิตจริงของเราก็เช่นกันการจับปลาสองมือไม่ได้ทำให้แสดงให้เห็นถึงความรัก แต่มันเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเห็นแก่ตัวของคุณที่ยอมทำร้ายจิตใจของคนสองคนเพื่อตัวคุณคนเดียว
14 Jan 2020
กว่าจะเป็น Witcher ได้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง
ในตอนนี้เกมเมอร์หลาย ๆ คนรวมถึงแฟน ๆ ของซีรีส์ของ The Witcher อาจจะสงสัยว่าทำไมในจักรวาลนี้ถึงมีจำนวนของนักล่าอสูรหรือที่เรียกว่า Witcher ทั้ง ๆ ที่ปีศาจมีมากมายเกือบจะทั่วทั้งพื้นที่รวมถึงใคร ๆ ต่างก็เกลียดคนประเภทนี้เข้าไส้ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเจอหน้ากัน วันนี้เรา GameFever TH จะพามาเจาะลึกสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า Witcher อีกครั้ง Witcher คืออะไร นานมาแล้วได้เกิดเหตุการณ์ The conjunction of spare ทำให้โลกมิติต่าง ๆ ได้เชื่อมต่อกันเป็นโลกเดียว ทำให้เหล่าปีศาจและอสุรกายได้บุกเข้ามายังโลกในนี้ และเมื่อเหล่ามนุษย์ได้อพยพเข้ามาในดินแดน The Continent พวกเขาจึงต้องฝึกมนุษย์ขึ้นมาเพื่อรับมือกับเรื่องเหล่านี้โดยเฉพาะ เหล่าคนกลุ่มนี้ถูกเรียกว่า Wither Witcher ฝึกอะไรบ้าง แม้ว่าข้อมูลเกี่ยวกับเหล่า Witcher จะน้อยมากแต่จากการอ้างอิงในหลาย ๆ ที่พบว่าการที่จะได้เป็น Witcher นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเริ่มแรกพวกเขาจะคัดเอากลุ่มเด็ก ๆ มาฝึก ซึ่งเด็กกลุ่มนี้ส่วนใหญ่พวกเขาจะได้มาจากการที่พ่อแม่ของพวกเขาจ้าง Witcher ทำงานบางอย่างให้และไม่มีค่าตอบแทนให้ จึงได้ใช้กฎ law of surprise (การแทนคุณแบบไร้เงื่อนไข) ในการรับเอาเด็กกลุ่มนี้มาฝึก โดยเด็กกลุ่มนี้เมื่อมาถึงสถานที่ฝึกแล้วจะต้องผ่านพิธีในการกลายพันธุ์หรือที่เรียกว่า Trial of the grasses ซึ่งจะทำการฉีดสารพิษเข้าสู่ร่างกายเพื่อให้เกิดการกลายพันธ์ุและมีจำนวนเด็กเพียง 3 ใน 10 เท่านั้นที่รอดจากพิธีกรรมนี้ ทำให้พวกเขามีประสาทสัมผัสที่ดีกว่ามนุษย์ทั่วไป รวมถึงสามารถที่จะดื่มยาพิษได้มากกว่ามนุษย์ปกติที่สำคัญสิ่งเหล่านี้ได้ทำให้เหล่า Witcher เป็นหมันและไม่สามารถมีลูกได้ พร้อมกับมีอายุที่ยืนยาว หลังจากผ่านวิธีการกลายพันธ์ุแล้ว การพัฒนาทักษะในด้านต่าง ๆ ทั้งการเคลื่อนที่ ความว่องไว การฟันดาบและอื่น ๆ อีกมากมาย โดย Witcher จะมีสำนักต่าง ๆ มากถึง 6 สำนักที่จะมีจุดเด่นจุดด้อยที่แตกต่างกันไปที่เราจะเห็นได้จากชุดต่าง ๆ ในเกม The Witcher 3 ที่แต่ละสำนักจะมีความสามารถแตกต่างกันอย่างชัดเจน นอกจากนี้พวกเขายังจะต้องฝึกเวทประจำตัวของเหล่า Witcher ทั้ง 6 อย่างได้แก่ Aard เวทที่ใช้ในการผลักสิ่งต่าง ๆ Igni เวทไฟที่ใช้ในผ่านมือออกมาเป็นเปลวไฟในการโจมตีศัตรู Yrden เวทกับดัก Quen เวทใช้สำหรับการป้องกันการโจมตี Axii เวทที่ใช้ในการสะกดจิตผู้คน นอกจากด้านการต่อสู้แล้วเหล่า Witcher จะต้องมีความรู้ด้านบุ๋น พวกเขาต้องรู้จักปีศาจต่าง ๆ รวมถึงวิถีในการถอนคำสาปและน้ำยาต่าง ๆ ที่ใช้ทั้งปรุงเพื่อดื่มเสริมประสิทธิภาพในการต่อสู้และใช้ในการทาเคลือบดาบอีกด้วย Witcher ทำไมเหลือน้อย เนื่องจากว่าเหล่า Witcher ถูกฝึกมาหนักและผ่านการกลายพันธ์ุมาทำให้พวกเขาดูแตกต่างไปจากมนุษย์ทั่วไป ทำให้พวกเขาถูกมองว่าเป็นตัวประหลาด นอกจากนี้ Witcher หลาย ๆ คนยังขูดรีดเงินค่าจ้างจากเหล่าผู้คนทั่วไปในราคาแพง จึงทำให้ภาพลักษณ์ของคนกลุ่มนี้ติดลบไปอีก การที่พวกเขาถูกมองว่าเป็นตัวประหลาดทำให้บางครั้งนำไปสู่การเข้าใจผิด อย่างในสำนักของ Garalt อย่างสำนักหมาป่า (School of the Wolf) เองก็ถูกเหล่าชาวบ้านที่นำโดยเหล่าจอมเวทและนักบวชบุกเข้ามาสังหารหมู่จนทำให้สำนักนี้เสียหายอย่างหนักและไม่สามารถที่จะสร้าง Witcher รุ่นใหม่ออกมาได้อีกเลย ซึ่งไม่เฉพาะสำนักหมาป่าเท่านั้น แต่สำนักอื่น ๆ ต่างก็ถูกกวาดล้างแทบทั้งสิ้น จนเหลือคนกลุ่มนี้ในสังคมน้อยมาก เนื่องจากเหตุการณ์ที่กล่าวมานี้เอง ทำให้เหล่า Witcher บางคนมักจะน้อยเนื้อต่ำใจที่พวกเขาเกิดมาเป็น Witcher แม้แต่ Garalt เองก็มักจะเซ็งกับเรื่องเหล่านี้เหมือนกัน แต่เขาก็เข้าใจกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเพราะแม้ทุกคนจะเกลียด Witcher แต่โลกใบนี้ก็ต้องการคนอย่างพวกเขาอยู่ดี อ้างอิงจาก:witcher.fandom.com
14 Jan 2020
5 เรื่องที่คุณควรทำหากกำลังอินกับซีรีส์ The Witcher ฉบับ Netflix
ถือว่าประสบความสำเร็จมาก ๆ แล้วสำหรับซีรีส์ The Witcher ฉบับ netflix ที่นอกจากจะสร้างกระแส Witcher Fever ไปทั่วทั้งโลกแล้วยังทำให้เกม The Witcher 3: Wild Hunt กลับมาได้รับความนิยมอีกด้วยทั้ง ๆ ที่เกมวางจำหน่ายไปแล้ว เกือบ ๆ 5 ปี สำหรับใครที่กำลังอินกับซีรีส์นี้อยู่เรา GameFever TH มีคำแนะนำมามอบให้กับทุก ๆ ท่าน อ่านนิยาย [caption id="attachment_38507" align="alignnone" width="1024"] รูปภาพจาก thegamer[/caption] The Witcher มีที่จากนวนิยายของ Andrzej Sapkowski นักเขียนชาวโปแลนด์ ดังนั้นการที่เราจะเรียนรู้ตัวได้ดีที่สุดคือการอ่านนิยายต้นฉบับ ซึ่งข้อดีของการอ่านนิยายคือเนื้อหาจะมีการบรรยายที่ละเอียดกว่าทุก ๆ เวอร์ชัน แต่เป็นที่น่าเสียดายที่เวอร์ชันที่อ่านง่ายที่สุดดันเป็นภาษาอังกฤษล้วน ดังนั้นหากภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงอาจจะต้องสู้หน่อย โดยนิยายสามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือภาษาอังกฤษชั้นนำทั่วไป เปิดเพลง Toss the coin in to Your Witcher จากเพลงประจำซีรีส์กลายเป็นเพลงติดหูที่ไปในที่ไหน ๆ หากมีแฟนของซีรีส์ The Witcher อยู่จะต้องได้ยินอย่างแน่นอน เพลงนี้เป็นเพลงที่ Jaskier( Dandelion) ร้องให้กับ Geralt ในตอนท้ายของ Episode 2 ซึ่งทาง Netflix เองก็แปลงเพลงนี้เป็นภาษาต่าง ๆ มากถึง 14 ภาษาเลยทีเดียว เล่นเกม The Witcher 3: Wild Hunt หากจะหาเกมเกี่ยวกับจักรวาล The Witcher ตอนนี้ก็ไม่มีเกมไหนจะน่าเล่นไปกว่า The Witcher 3: Wild Hunt แล้ว ตัวเกมแม้จะเล่าเรื่องหากจากซีรีส์ไปหลายปี แต่ก็มีตัวละครต่าง ๆ ที่คุ้นเคยและคุณจะรู้จักได้อย่างแน่นอน ที่สำคัญเนื้อเรื่องของเกมนี้ยาวมาก ขั้นต่ำก็ 60 ชั่วโมงเลยทีเดียว ดูพากษ์หรือเปลี่ยนซับไตเติลเป็นภาษาอื่น ๆ อันนี้เป็นสิ่งที่ผู้เขียนชอบทำหลังจากดูซีรีส์ดัง ๆ จบ คือการเปิดดูพากษ์ภาษาอื่น ๆ จะทำให้เรารับรู้มุมมองต่าง ๆ กันเช่นหากคุณดูพากษ์ไทย Garalt จะรู้สึกว่าไม่ค่อยแก่มาก แต่หากคุณลองฟังพากษ์ญี่ปุ่นเขาจะคล้าย ๆ กับตัวร้ายเลยทีเดียวหรืออาจจะลองเปลี่ยนซับไตเติลก็ได้ถือว่าเป็นการฝึกภาษาในตัวเช่นกัน เล่นเกม Thronebreaker: The Witcher Tales สำหรับข้อสุดท้ายหากคุณเล่นเกม The Witcher 3: Wild Hunt จบแล้ว ดูซีรีส์จบแล้ว อ่านนิยายจบแล้วขอแนะนำเกมนี้เลย Thronebreaker: The Witcher Tales ที่จะเล่าเรื่องราวของราชินี  Meve แห่งอาณาจักร Lyria and Rivia ด้วยมุมมองของเนื้อเรื่องเสริมของจักรวาล Thw Witcher นอกจากนี้ระบบการเล่นยังเอา Gwent มาพัฒนาใหม่ให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย เป็นอีกหนึ่งเกมน่าเล่นรองจาก The Witcher 3: Wild Hunt เลยทีเดียว โดยตัวเกมสามารถหาซื้อได้จากทั้งใน Steam และ GOG ตอนนี้ซีรีส์ The Witcher ได้เริ่มขั้นตอนของงาน Production สำหรับ Season ที่ 2 แล้วและมีกำหนดการณ์ที่จะฉายในปี 2021 ดังนั้นแฟน ๆ ทั้งหลายอดใจรอหน่อย ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
10 Jan 2020
7 สิ่งที่คุณควรรู้หากอยากเล่นเกม The Witcher 3: Wild Hunt
The Witcher 3: Wild Hunt ในตอนนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในเกมที่ได้รับความนิยมมากในแบบที่ว่ามีผู้เล่นสูงกว่าตอนตัวเกมเปิดใหม่ ๆ เสียอีกจนสามารถติดอันดับ 10 เกมที่มีผู้เล่นพร้อมกันสูงสุดของ Steam เลยทีเดียว ซึ่งปฎิเสธไม่ได้ว่าการที่เกมได้รับความนิยมขนาดนี้มาจากกระแสของซีรีส์ The Witcher ฉบับ Netflix ที่กำลังดังเป็นพลุแตกในตอนนี้ สำหรับเกมเมอร์ท่านไหนที่กำลังจะลองเล่นเกมนี้ พวกเรา GameFever TH มีคำแนะนำให้กับทุกท่าน 1.เนื้อเรื่องของเกมยาวมาก หากท่านคิดที่จะเริ่มเล่นเกมนี้ขอให้เตรียมใจอย่างแรกคือเนื้อเรื่องของเกมมีความยาวมาก โดยความยาวเฉลี่ยของเนื้อเรื่องหลักคือประมาณ 51 ชั่วโมง ยังไม่นับกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงภารกิจรองอีกมากมายให้เราได้เล่นในเกม ทำให้อาจจะหมดเวลาเป็น 100 ชั่วโมงเลยก็เป็นได้หรือต่อให้จะ Speed Run ไม่ทำอะไรเลยก็จะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 20 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย 2.เกมนี้มีเรต 18+ The Witcher 3 เป็นเกมที่มีจุดค่ายหลักคือเนื้อเรื่องเข้มข้นในสไตล์แบบผู้ใหญ่ ที่จะไม่มีคำว่าถูกผิดแต่จะมีแต่คำว่าถูกใจเราหรือไม่ ทำให้ตัวเกมจะมีเนื้อหาที่รุนแรง รวมถึงฉากโป๊เปลือยให้เราได้เห็นอยู่เนื่อง ๆ ดังนั้นน้อง ๆ ที่มีอายุไม่เกิน 18 ปีไม่ควรที่จะเล่นเกมนี้ 3.สกิลสามารถรีได้ทุกเมื่อ หลาย ๆ คนเล่นเกมใหม่ ๆ อาจจะไม่รู้ว่าจะอัปสกิลอะไรดีหรือบางคนอัปสกิลไปแล้วแต่ว่าไม่ถูกใจอยากจะปรับทักษะใหม่ ก็สามารถที่จะทำได้ โดยในเกมจะมีไอเทมที่ชื่อว่า Potion of Clearance ซึ่งจะขายตามร้านค้าต่าง ๆ ในราคา 1000 Crowns เมื่อกดใช้ไอเทมนี้ตัวละครเราจะทำการรีสกิลทั้งหมด 4.สารานุกรมปีศาจคือกุญแจสำคัญในการต่อสู้ Bestiary หรือสารานุกรมปีศาจถือว่าเป็นหนึ่งในคู่มือที่จะทำให้เราเล่นเกมนี้ได้ง่ายขึ้น โดยข้อมูลในนี้จะทำให้เราสามารถที่จะเตรียมตัวสู้กับเหล่า Monster ต่าง ๆ ในโลกของ The Witcher 3: Wild Hunt ได้ง่ายขึ้น ในหน้านี้จะบอกข้อมูลให้กับเราทุกอย่างไม่ว่าจะน้ำยาที่ใช้ คาถาที่แพ้ทาง รวมถึงข้อมูลเบื้องต้นของเหล่า Monster อีกด้วยดังนั้นเป็นไปได้ให้เปิดหน้านี้บ่อย ๆ 5.ระวังโดนรับน้องด้วยการฟาร์มวัว [caption id="attachment_37957" align="alignnone" width="1024"] รูปภาพจาก Youtube ช่อง Eduardo Najar[/caption] สำหรับเกมเมอร์มือใหม่ที่ยังเลเวลน้อยและเงินยังไม่พอใช้ มักจะมีเหล่าสมาชิกใน Community ของเกม The Witcher 3 หรือเพื่อน ๆ บอกไปฟาร์มวัวเพื่อเก็บตังค์ ขอบอกเลยว่าเราฟาร์มวัวได้จริงแต่อย่าฟาร์มมากจนเกินไป มิฉะนั้นคุณอาจจะเจอการรับน้องจากผู้เล่น The Witcher 3 ได้ 6.อย่าสู้ Monster ข้ามเลเวล ในเกม The Witcher 3 นั้นจะมีความเป็น RPG อยู่พอสมควรทำให้มีการกำหนดเลเวลของศัตรูไว้เพื่อให้เหล่าผู้เล่นระวังตัว โดยหากเราเจอกับ Monster ที่มีสัญลักษณ์เป็นรูปกะโหลกสีแดงหมายความว่า Monster ตัวนั้นเก่งและมีเลเวลสูงกว่าเราทำให้เราต้องเตรียมตัวให้ดีไม่ก็เลี่ยงการปะทะ 7.เวอร์ชัน PC มีเวอร์ชันแปลไทย ถือว่าเป็นหนึ่งในข้อได้เปรียบสำหรับตัวเกมเวอร์ชัน PC ที่สามารถลง Mod ภาษาไทยได้ ทำให้เกมเมอร์ที่ภาษาอังกฤษไม่เก่ง สามารถที่จะสนุกกับเนื้อเรื่องของเกม The Witcher 3 ได้ โดย Mod นี้เกิดจากพลังของผู้เล่นชาวไทยจาก Community : The Witcher 3 Thailand ที่ร่วมด้วยช่วยกันแปล จนเสร็จไปแล้วถึง 90% ของเนื้อหาทั้งหมด โดยตัว Mod สามารถที่จะเข้าไปโหลดได้ในกลุ่มเลย แม้ว่าจะผ่านช่วง Steam Sale มาแล้วแต่เกม The Witcher 3: Wild Hunt ยังคงคุ้มค่าคุ้มราคาแม้จะซื้อตัวเกมในราคาเต็ม ดังนั้นหากคุณยังไม่เคยสัมผัสกับ Game of The Year ประจำปี 2015 ก็ควรหามาลองเล่นดู แล้วคุณจะรู้ว่าเกมนี้ดีจริง
06 Jan 2020
คุณสามารถเล่นเพลง Toss A Coin To Your Witcher ในเกม Beat Saber ได้แล้ว
The Witcher ฉบับซีรีส์จากทาง Netflix ถือว่าได้รับความนิยมมากในตอนนี้ อีกทั้งประสบความสำเร็จอย่างมากจนยังไงเราก็คงจะได้เห็น Season ที่ 2 แน่ ๆ โดยหนึ่งในความยอดเยี่ยมของซีรีส์คือเพลงประกอบอย่าง Toss A Coin To Your Witcher ที่ฟังรอบแรกก็ติดหูแล้ว หากใครรู้สึกติดใจเพลงนี้แล้วอยากที่จะเพิ่มกิจกรรมอื่น ๆ เข้าไปในเพลง ในตอนนี้เกม Beat Saber เกมดนตรี VR ชื่อดังสามารถที่จะเล่นเพลง Toss A Coin To Your Witcher ได้แล้ว ซึ่งได้อารมณ์ของการเป็น Witcher ที่ต้องถือดาบสองเล่มเป็นอย่างมาก หากใครอยากที่จะเห็นตัวอย่างก็สามารถดูได้จากวิดีโอด้านล่างนี้ https://www.youtube.com/watch?v=AjfABhvswrI&feature=emb_title ใครที่สนใจและมีเกมสามารถโหลดได้ที่นี่ อ้างอิงจาก: www.pcgamer.com
31 Dec 2019
The Witcher ฉบับ Netflix ขึ้นแท่นซีรีส์ที่คนต้องการดูมากที่สุดในโลก
The Witcher ฉบับ Netflix ถือว่าประสบความสำเร็จมาก ๆ เกินกว่าที่หลาย ๆ คนคิดไว้ โดยการที่ได้พระเอกอย่าง Henry Cavill มารับบทเป็น Geralt of Rivia และได้ Anya Chalotra กับบท Yenefer เมื่อผสมรวมกับเนื้อเรื่องที่ดาร์กแต่เข้มข้นทำให้ซีรีส์นี้ผลตอบรับออกมายอดเยี่ยม อ้างอิงจาก businessinsider ที่ได้ทำการสำรวจความต้องการของผู้คนเกี่ยวกับซีรีส์ที่พวกเขาอยากดู พบว่าซีรีส์ The Witcher ฉบับ Netflix ขึ้นแท่นซีรีส์ที่คนต้องการดูมากที่สุดในโลก โดยทำสถิติยอดผู้ชมสูงมากในหลาย ๆ ประเทศทั้งสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย นอกจากนี้ในประเทศสหรัฐอเมริกาซีรีส์นี้ยังมีผู้ชมสูงกว่า The Mandalorian จากทางของ Disney อีกด้วย หากใครอยากที่จะสัมผัสกับความยอดเยี่ยมของ The Witcher ในรูปแบบซีรีส์ก็สามารถรับชมได้ทาง Netflix โดยซีรีส์รองรับทั้งการพากย์ไทยและคำบรรยายภาษาไทย อ้างอิงจาก:www.ign.com
31 Dec 2019
ลือ Henry Cavill ได้รับค่าตัวจากการแสดงใน The Witcher ตอนละ 12 ล้านบาท
ในตอนนี้คงไม่มีคงไม่มีซีรีส์ไหนจะได้รับการโปรโมทจากทาง Netflix มากไปกว่า The Witcher หนึ่งในนิยายและเกมขวัญใจชาวโลก โดยอย่างที่เรารู้กันว่าซีรีส์เรื่องนี้ได้พระเอกอย่าง Henry Cavill มารับบทเป็น Geralt of Rivia ซึ่งเขาก็แสดงได้อย่างสมบทบาทและได้ใจแฟน ๆ อย่างมาก จนทำให้เป็นการยากที่จะหาคนมาแสดงแทนเขาได้ ย้อนไปในช่วงที่กำลังหาตัวนักแสดงเพื่อสร้างซีรีส์ได้มีข่าวลือว่า Henry Cavill ได้ค่าตัวจากการแสดงบทนี้ 3.2 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 96 ล้านบาทได้ โดยหากคิดจากจำนวน 8 ของซีรีส์ในซีซันที่ 1 จะพบว่าเขาได้เงินจากบทนี้ประมาณตอนละ 12 ล้านบาทเลยทีเดียว ผลของการแสดงที่ยอดเยี่ยมและผลตอบรับที่ดีทำให้ในตอนนี้มีการเดินหน้าสำหรับซีซีนที่ 2 แล้ว ทำให้เราคงได้พบกับพระเอกท่านนี้อีกนาน อ้างอิง :www.vgr.com
26 Dec 2019
เรียงลำดับตอนที่ได้คะแนนดีที่สุดของซีรีส์ The Witcher
ในช่วงคริสต์มาสนี้นอกจากหลาย ๆ คนออกเดินทางกันเพื่อท่องเที่ยว มีหลายคนที่ยังคงทำงานอยู่และมีหลายคนไม่น้อยที่เลือกจะอยู่บ้านพักผ่อนและดูซีรีส์ The Witcher ที่กำลังเปิดให้รับชมใน Netflix ตอนนี้ ซึ่งด้วยความที่เป็นซีรีส์ทำให้แต่ละตอนจะมีลักษณะพิเศษที่แตกต่างกัน วันนี้ทาง IMDB ได้เปิดเผยคะแนนของแต่ละตอนแล้วดังนี้ อันดับที่ 1 Episode 8: Much More คะแนน 9.3/10 อันดับที่ 2 Episode 7: Before a Fall คะแนน 9/10 อันดับที่ 3 Episode 3: Betrayer Moon คะแนน 9/10 อันดับที่ 4 Episode 4: Of Banquets, Bastards and Burials คะแนน 8.9/10 อันดับที่ 5 Episode 5: Bottled Appetites คะแนน 8.9/10 อันดับที่ 6 Episode 6: Rare Species  คะแนน 8.7/10 อันดับที่ 7 Episode 1: The Ends Beginning คะแนน 8.7/10 อันดับที่ 8 Episode 2 :Four Marks คะแนน 8.2/10 จะเห็นได้ว่าแต่ละตอนมีคะแนนมากว่า 8 ทั้งสิ้น ซึ่งก็สมกับการรอคอยของแฟน ๆ นิยายและแฟน ๆ ของเกม The Witcher หากใครยังไม่ได้ดูซีรีส์เรื่องนี้แนะนำหามาดูโดยด่วน อ้างอิงจาก: www.imdb.com
26 Dec 2019
แฟนๆ เผยอยากเห็น Mark Hamill รับบทสำคัญในซีรีส์ The Witcher ซีซันที่ 2
Mark Hamill ดารา Hollywood ที่ปัจจุบันอายุ 68 แล้วแต่ก็ยังคงได้รับบทบาทสำคัญในภาพยนตร์ต่าง ๆ รวมถึงบทบาทในตำนานอย่าง Luke Skywalker อันโด่งดัง ล่าสุดแฟน ๆ ของ Mark Hamill อาจจะเห็นเขาอยู่ในซีรีส์ The Witcher ก็เป็นได้ เรื่องนี้มีต้นทางมาจากปี 2018 เมื่อ Lauren S. Hissrich โปรดิวเซอร์ของซีรีส์ The Witcher ได้ทวีตลักษณะของตัวละครต่างๆ ของเรื่องใน Twitter ในช่วงของการเตรียมหานักแสดง ซึ่งคุณ Mark Hamill ก็ได้ทวีตตอบว่าเขาไม่รู้หลอกว่าตัวละครเหล่านี้หมายถึงอะไร แต่หากเขายอมรับได้หากได้เล่นเป็นตัวละครเหล่านี้ https://twitter.com/HamillHimself/status/971110626754904064?s=20 ซึ่งในตอนนี้ซีรีส์ The Witcher ประสบความสำเร็จพอสมควร พร้อมทั้งเตรียมเดินหน้า Season 2 แล้ว ทำให้ Tweet นี้กลับมาเป็นที่นิยมของเหล่าแฟน ๆ อีกครั้ง โดยบทที่แฟน ๆ อยากจะให้ลุง Mark Hamill เล่นคือ Vesemir เพื่อนสนิทของ Geralt of Rivia หากดีลนี้สำเร็จแฟน ๆ อาจจะได้เห็น Vesemir ที่รับบทโดย Mark Hamill ในซีซันถัดไปก็เป็นได้ ที่มา:gamesradar.com
24 Dec 2019
รีวิว The Witcher ฉบับ Netflix
The Witcher ถือว่าเป็นหนึ่งในนวนิยายขายดีประจำประเทศโปแลนด์ผลงานจากนักเขียนชื่อดัง Andrzej Sapkowski ก่อนที่ทาง CD Projekt จะนำเอามาดัดแปลงเป็นเกมจำนวนสามภาค ซึ่งได้รับคำชมจากเหล่าเกมเมอร์อย่างมากโดยเฉพาะตัวเกมภาคที่ 3 The Witcher 3: Wild Hunt ที่ทำออกมาได้ดีมากจนคว้ารางวัล Game of The Years 2015 ไปครอง ปัจจุบันแม้จะผ่านมา 5 ปีแล้วตัวเกมยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องและลงเครื่อง Nintendo Switch ไปเมื่อไม่นานมานี้ ในที่สุด Netflix ก็นำเอากระแสของ Witcher มาทำเป็นซีรีส์ให้เราได้ดูกัน ซึ่งเรื่องนี้หลาย ๆ คนน่าจะติดตามพอสมควร เนื่องจากความนิยมของเกมและนิยาย แต่ด้วยการที่ตัวซีรีส์มาจากสิ่งที่หลาย ๆ คนชอบทำให้ต้องเจอกับคำวิจารณ์หลาย ๆ อย่างตั้งแต่การ Cast นักแสดงไปจนถึงตอนถ่ายทำ จนในวันที่ 20 ธันวาคม 2019 ที่ผ่านมาซีรีส์นี้ก็ออกสู่สายตาชาวโลกเสียทีและนี่คือรีวิวจากพวกเรา Gamefever เนื้อเรื่อง The Witcher ฉบับ Netflix หรือชื่อไทยเดอะ วิทเชอร์ นักล่าจอมอสูร จะเล่าเรื่องราวของ 3 คนคือ Geralt of Rivia (นำแสดงโดย Henry Cavill) , Cirilla Fiona Elen Riannon (นำแสดงโดย Freya Allan) และ Yennefer (นำแสดงโดย Anya Chalotra) ที่แม้ชีวิตของพวกเขาจะเริ่มต้นไม่เหมือนกันแต่โชคชะตาก็นำพาให้พวกเขามาพบกันในที่สุด ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะมีผลต่อชะตากรรมของคนทั้งทวีปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเนื้อหาจะมีจำนวนทั้งหมด 8 ตอนและมีความยาวประมาณ 50 นาทีต่อตอน เนื้อเรื่องถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของ Witcher ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มไหน ๆ ซึ่งทางผู้กำกับเลือกที่จะเอาเล่าแบบสลับ Timeline แบบฉากต่อฉาก และไม่เรียง Timeline ทำให้เรารู้สึกว่าทางผู้ถ่ายทำต้องการนำเสนอโลกของ Witcher แบบภาพรวมก่อนที่จะนำเอาทุกอย่างมาประกอบกันในตอนท้าย ซึ่งถือว่าทำออกมาได้ไม่เลวเลยแต่ติดตรงที่การเล่าเรื่องในช่วงแรก ๆ ที่ทำออกมาดีมากแต่ในช่วงหลัง ๆ เรื่องราวนั้นไม่ได้เข้มข้นเหมือนกับช่วงแรก ๆ ของซีรีส์ ซึ่งกว่าที่เราจะรู้สึกสนุกอีกครั้งก็เกือบ ๆ ท้ายของซีรีส์ที่ปมต่าง ๆ เริ่มได้รับการเปิดเผย ทำให้เราได้แต่หวังว่า Season ถัดไปเนื้อเรื่องจะได้รับการสานต่อ การแสดง ในส่วนของการแสดงต้องบอกว่าตัวละครหลักนั้นถือว่า Cast มาได้อย่างดี โดยเฉพาะ Henry Cavill ในฐานะ Geralt เขาก็ไม่ได้ทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง เขาสามารถเข้าถึงบทนี้ได้เป็นอย่างดีการแสดงอารมณ์ต่าง ๆ เล่นได้อย่างดี โดยเฉพาะฉาก Action ที่พี่แกใส่แบบไม่ยั้ง นอกจากนี้ในซีนที่ต้องเล่นมุกตลกพี่แกก็ยังคงความเป็น Geralt ในขณะเดียวกันก็สร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้ชมได้อย่างไหลลื่น อีกคนที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือ Anya Chalotra ที่แม้ว่าหลาย ๆ คนจะไม่ค่อยชอบเธอในฐานะของ Yennefer มาตั้งแต่ตอน Cast แต่เธอก็เล่นบทนี้ออกมาได้ดีเยี่ยม รวมถึง Freya Allan กับบท Ciri ก็ทำออกมาได้ประทับใจพอสมควร แต่เป็นที่น่าเสียดายนอกจากตัวละครหลักแล้วตัวละครรองและนักแสดงบทบาทสมทบอื่น ๆ ดันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ นอกจากนี้แล้วเหมือนว่าทางซีรีส์พยายามที่จะเพิ่มความหลากหลายของตัวละคร ทั้งในเรื่องของสีผิวและเชื้อชาติ ทำให้สิ่งนี้อาจจะขัดใจแฟน ๆ ของ The Witcher หลาย ๆ คน แต่หากคุณไม่ซีเรียสเรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร ฉากในเรื่อง Wicther ฉบับ Netflix ยังคงกลิ่นอายแบบที่แฟนเกมและแฟนนิยายคุ้นเคย ฉากต่าง ๆ จะให้ความรู้สึกของการที่เราได้อยู่ในโลกของ Witcher อย่างครบถ้วนและทำออกมาได้ดี ปีศาจต่าง ๆ ฉากการกินยา การร่ายเวทมนตร์ถือก็ทำออกมาได้ดี นอกจากนี้ซีรีส์มาพร้อมกับ Rate 18 + ทำให้เราจะเห็นฉากรุนแรงแบบจัดเต็ม ชนิดที่ว่าหากคุณไม่ชอบดูอะไรโหด ๆ แนะนำว่าให้เตรียมใจเล็กน้อยก่อนที่จะดู ฉากโป๊เปลือยก็ทำให้เราเห็นอยู่บ่อย ๆ ทั้งจากตัวละครหลักและนักแสดงคนอื่น ๆ ดังนั้นน้อง ๆ ที่อายุไม่ถึง 18 ปีไม่ควรจะชมภาพยนตร์เรื่องนี้ สิ่งที่น่าผิดหวังสำหรับเรื่องฉากในเรื่องคงจะเป็นชุดของทหาร Nilfgaard ที่ดูแล้วไม่ค่อยจะสวยเท่าไหร่ ต่างกับชุดของทหารจากอาณาจักรอื่น ๆ ที่ทำออกมาได้เท่มาก สรุป สรุปแล้ว Wicther ฉบับ Netflix ถือว่าเป็นซีรีส์ที่ดูได้สนุกเรื่องหนึ่ง ตัวซีรีส์มีหลากหลายรสชาติให้เราได้สัมผัสในแง่มุมต่าง ๆ อย่างครบถ้วน แต่หากคุณเป็นแฟนที่ติดภาพมาจากนิยายหรือเกม คุณจะเจอกับเรื่องขัดใจในหลาย ๆ จุด ดังนั้นก็อยู่ที่คุณแล้วว่าจะดูหรือไม่ [penci_review id="37176"]
23 Dec 2019
5 เรื่องควรรู้ก่อนดู The Witcher ฉบับ Netflix
หลังจากที่ทาง Netflix ประกาศว่าจะสร้างซีรีส์ The Witcher แฟนนิยายหลาย ๆ คนรวมถึงแฟนเกมต่างที่เตรียมตั้งหน้าตั้งตารอซีรีส์เรื่องนี้อย่างมาก แม้ว่าจะมีกระแสดราม่าทั้งจากแฟนนิยายและแฟนเกมมาสักพักหนึ่งแต่ Netflix เองก็เตรียมที่จะปล่อยออกมาให้รับชมกันแน่นอนในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2019 นี้ สำหรับเพื่อน ๆ ที่ไม่ได้ติดตามข่าวของซีรีส์เรื่องนี้วันนี้พวกเรา GameFever TH ได้รวบรวมสิ่งที่น่าสนใจมาให้เพื่อน ๆ ได้เตรียมความพร้อมกัน 1. เนื้อเรื่องในซีรีส์จะอิงจากนิยาย เรื่องนี้สำหรับแฟนเกมอาจจะผิดหวัง เนื่องจากทาง Lauren Schmidt Hissrich โปรดิวเซอร์ของซีรีส์เลือกที่จะเล่าเรื่องโดยอิงจากนวนิยายชื่อเดียวกันในเล่ม The Last Wish ซึ่งจะเล่าเรื่องราวความเป็นมาของตัวละครอย่าง Geralt , Yennefer และ Ciri ที่เป็นเนื้อหาก่อนเกมภาคแรก 2. ซีรีส์นี้ไม่เหมาะสมสำหรับเยาวชน หากเพื่อน ๆ เคยเล่นเกม The Witcher 3 หรืออ่านนิยายเรื่องนี้มา ย่อมที่จะรู้ว่าเนื้อหาของแฟรนไชส์นี้จะมีความเป็นผู้ใหญ่สูงคือ ไม่มีถูกหรือผิดอยู่ที่เราใช้วิจารณญาณของพวกเราเอง นอกจากนี้ยังมีฉากของความรุนแรงและเรื่องของเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งทีมผู้สร้างเองก็ยืนยันว่า ซีรีส์เรื่องนี้ไม่เหมาะสำหรับเยาวชนด้วยประการทั้งปวง 3. ได้นักแสดงคุณภาพยอดเยี่ยมมากมาย หลาย ๆ คนอาจจะรู้สึกผิดหวังเพราะว่าตัวละครที่ทางผู้สร้าง Cast มาแสดงในซีรีส์นั้นไม่เหมือนกับฉบับของเกมที่ทำออกมาได้อย่างน่าจดจำ ถึงกระนั้นนักแสดงแต่ละคนที่มารับบทในซีรีส์ก็ถือว่ามีผลงานที่ดีพอสมควรทั้ง Henry Cavill ที่เปลี่ยนจากบท Superman ของหนัง Man of Steel มารับบทเป็นนักล่าอสูร Geralt ที่ตัวเขาเองยังยอมรับว่าเป็นแฟนตัวยงของเกมนี้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีดารานักแสดงมากมายเช่น Anya Chalotra รับบทเป็น Yenefer Freya Allan รับบทเป็น  Ciri Anna Shaffer รับบทเป็น Triss 4.ถ่ายทำเสร็จสิ้นแล้ว สำหรับหลาย ๆ คนที่กังวลว่าซีรีส์นี้ไปถึงไหนแล้ว คำตอบคือถ่ายทำเสร็จแล้วและกำลังที่เข้าสู่กระบวนการตัดต่อเพื่อที่เตรียมฉายในปี 2019 นี้ ซึ่งงานโปรดักชันที่ออกมาล่าสุดคือ Trailer ของซีรีส์นี้ ที่ทำให้เราได้เห็นภาพรวมว่าซีรีส์นี้เป็นอย่างไร ซึ่งธีมของซีรีส์ก็จะมีกลิ่นอายเหมือนกับในเกมที่ออกมา 5.อาจจะมี Season 2 ทันทีหลังเริ่มฉาย ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของซีรีส์และภาพยนตร์ในปัจจุบัน ที่เรตติ้งมีผลอย่างมากในการตัดสินใจที่จะเดินหน้าต่อของสตูดิโอต่าง ๆ แต่ผิดกับตัวซีรีส์นี้ที่ทาง Greekworldwide เว็บไซต์ชื่อดังของเหล่าผู้ชื่นชอบ Pop Culture ได้นำเสนอข่าวว่าทาง Netflix ชอบมากและอาจจะมี Season 2 ทันที The Witcher ฉบับ Netflix ยังไม่ประกาศวันฉายอย่างเป็นทางการ แต่ล่าสุดเหมือนมีข่าวหลุดว่าซีรีส์นี้เตรียมที่จะฉายในวันที่ 17 ธันวาคม 2019 ใครที่เป็นสาวกซีรีส์นี้ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่  
20 Sep 2019
Netflix ยืนยัน !! The Witcher ยังไม่มีวันฉายแน่นอน แต่มา Q4 ปีนี้แน่
ตอนแรกเริ่มมีข่าวลือเกี่ยวกับซีรีส์ The Witcher ทาง Netflix ที่จะมีกำหนดฉายในอีกไม่ถึง 1 เดือน เริ่มจากมีชายคนหนึ่งนามว่า Giovanni Eūgene Altamarquéz ที่อ้างว่าตัวเองนั้นเป็น Executive Producer ของทาง Netfilx ได้บอกว่าซีรีส์ The Witcher นี้รวมถึงเรื่องอื่นๆ อย่าง Mindhunter, 13 Reasons Why, Queer Eye อาจจะปล่อยออกมาในเดือนตุลาคมนี้ รวมถึงเขายังโพสว่าตัวซีรีส์นี้การถ่ายทำนั้นเสร็จสิ้นแล้ว อาจจะมีต้องถ่ายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรีแคสนักแสดง ซึ่งในประเด็นนี้ทำให้หลายๆ คนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งทาง thewitcher.tv เองได้ไปสัมภาษณ์กับทาง Netflix โดยตรงและได้ข้อมูลออกมาว่า Giovanni Eūgene Altamarquéz ไม่ได้เป็นพนักงาน, ฟรีแลนซ์ หรือผู้รับเหมาของ Netflix แต่อย่างใด รวมถึงทาง Twitter ของเจ้าตัวเองก็ถูกลบออก เนื่องจากละเมิดกฎ และบัญชี The Medium ก็ลบเนื้อหานี้ด้วยเช่นกัน จึงเดาได้เลยว่า ข่าวลือเรื่องของ The Witcher ฉบับซีรีส์มีกำหนดฉายในเดือนตุลาคมนี้น่าจะไม่ใช่เรื่องจริง https://www.youtube.com/watch?v=cSqi-8kAMmM ซึ่งในตอนนี้ทาง Netflix เองได้คอนเฟิร์มเพียงแค่ว่าตัวซีรีส์ The Witcher นี้จะมีกำหนดฉายในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2019 นี้เท่านั้น คือช่วงเดือนกันยายน ไปจนถึงสิ้นปี แต่ยังไม่มีวันที่แน่ๆ อย่างเป็นทางการในตอนนี้ ซึ่งเราก็ต้องรอดูกันต่อไป แต่ก็รู้ได้อย่างเดียวว่าอีกไม่กี่เดือน เราก็จะได้ดูซีรีส์นี้แน่นอน
02 Sep 2019
เผยคลิป Henry Cavill กับบท Geralt ใน Witcher Netflix พร้อมประกาศนักแสดง Triss
อย่างที่รู้กันว่านักแสดงฮอลลีวูดอย่าง Henry Cavill จะมารับบทเป็น Geralt of Rivia ตัวเอกจากเกม Witcher ที่กำลังถ่ายทำเป็นซีรีส์โดย Netflix ซึ่งล่าสุดได้มีการเผยภาพหลุดออกมาให้เราได้เห็นแล้วเป็นคลิปวิดีโอผ่านทาง Twitter ของทาง Netflix โดยตรง Get your first look at Henry Cavill in The Witcher! pic.twitter.com/1O2eWS1MkP — Netflix US (@netflix) 31 ตุลาคม 2561 รวมถึงมีการยืนยันออกมาอีกว่านักแสดงที่จะมารับบทเป็น Triss Merigold ก็คือ Anna Shaffer ที่เคยรับบทเป็น Romilda Vane นักแสดงสบทบจากหนังเรื่อง Harry Potter มาก่อนอีกด้วย โดยซีรีส์ The Witcher Netflix Series นั้นทางผู้กำกับบอกว่าเราอาจจะได้ดูในช่วงปี 2020 โน่นเลย ซึ่งเกม The Witcher เป็นเกม RPG จากทางผู้พัฒนา CD Projeckt Red ที่ได้รับคำวิจารณ์ยอดเยี่ยมมากๆ ด้วยเนื้อเรื่องที่ยอดเยี่ยม วิธ๊การเล่นแบบฉบับ RPG แท้ๆ มีแนวทางให้เราเลือกตอบหลากหลาย และมีผลในอนาคต โดยตัวเกมออกมาทั้งหมด 3 ภาค ขอบคุณข้อมูลจาก VG247
01 Nov 2018
The Witcher: TV Series ได้นักแสดงที่จะรับบทเป็น Siri และ Yennefer แล้ว
กำลังอยู่ในขั้นตอนการค้นหานักแสดงกันอยู่ในตอนนี้กับ The Witcher: TV Series จากทาง Netfilx ซึ่งอย่างที่เรารู้กันว่าอดีต Superman จากหนังเรื่อง Man of steel อย่าง Henry Cavil ก็ได้มารับบทเป็นตัวเอกอย่าง Geralt of Rivia อีกด้วย ซึ่งล่าสุดก็ได้มีการอัพเดตเพิ่มเติมเกี่ยวกับนักแสดงที่จะมารับบทเป็นตัวละครสำคัญอย่าง Siri และ Yennefer แล้วตามรูปด้านล่าง Freya Allan (รับบทเป็น Ciri) Anya Chalotra (รับบทเป็น Yennefer) ซึ่งจากข่าวเมื่อไม่นานมานี้ที่บอกว่าตัวละคร Ciri จะถูกรับบทโดยคนผิวสีดูท่าว่าจะเป็นเพียงแค่ข่าวลือซะมากกว่า โดยตัวซีรีส์นี้ก็จะมีกำหนดออกอากาศในปี 2020 โดยเราก็จะต้องตั้งตาเฝ้ารอกันต่อไปว่าใครจะเข้ามารับบทตัวละครอื่นๆ อีก (น้กแสดงทั้งหมดในตอนนี้ที่ประกาศออกมา) โดย The Witcher เป็นซีรีส์เกมที่ถูกสร้างโดยทีม CD Projekt Red จากประเทศโปแลนด์อ้างอิงจากนิยายของนักเขียนอย่าง Andrzej Sapowski โดยตัวเกมได้รับคำวิจารณ์ที่ดีมากๆ ในเรื่องของเนื้อเรื่องที่ยอดเยี่ยม, มีการเลือกตอบคำถามจาก NPC ที่จะมีผลกระทบต่อเนื้อเรื่องต่อๆ ไป ซึ่ง The Witcher 3: Wild Hunt ได้รับรางวัล Game of the years จากทาง Game Awards ปี 2015 อีกด้วย โดยตัวเกมลงให้กับเครื่อง PC, PS4 และ Xbox One [ LINK ] ขอบคุณข้อมูลจาก gizmodo
11 Oct 2018
ผู้สร้างซีรี่ย์ The Witcher ประกาศพักเล่นทวิตเตอร์หลังเจอกระแสลบจากแฟนๆ
หลังจากที่มีกระแสต้านจากแฟนๆ จากข่าวการคัดตัวนักแสดงของตัวละคร Ciri ในซีรี่ย์ The Witcher ของ Netflix ล่าสุดผู้สร้างซีรี่ย์คุณ Lauren Hissrich ได้ออกมาประกาศการพักเล่นทวิตเตอร์ซักพัก เพื่อทุ่มเทกับการเขียนบทซีรี่ย์ให้เสร็จ และเพื่อหลีกเลี่ยงเสียงด่าทอของแฟนๆ ที่ไม่พอใจในโลกออนไลน์ Its time for a Twitter hiatus. The love here is amazing, and the hate is enlightening, like a real-life Trial of the Grasses, except I HAVE to read less and write more -- or we wont have a damn finale. Be back soon with more insight and more Roach. Be nice to each other, okay? — Lauren S. Hissrich (@LHissrich) September 10, 2018 คุณ Lauren กล่าวในข้อความว่า ถึงเวลาเลิกเล่นทวิตเตอร์ซักพักแล้ว กำลังใจจากทุกคนน่าทึ่งมาก แต่ความเกลียดชังของบางคนก็ทำให้ตาสว่าง เหมือนผ่านด่าน Trial of the Grasses (การทดสอบเพื่อเปลี่ยนเป็น Witcher) แต่ฉันคงต้องอ่านข้อความให้น้อยลงแล้วหันมาเขียนบทให้เยอะขึ้น ไม่งั้นจะไม่มีตอนจบซะที เดี๋ยวจะกลับมาในไม่ช้าพร้อมข้อมูลใหม่ๆ นะจ๊ะ คุยกันดีๆ นะ โอเค๊? ก่อนจากไป คุณ Lauren ยังตอบโต้ผู้ที่ไม่พอใจเรื่องการคัดตัวนักแสดงที่ไม่ใช่คนขาว และโจมตีเธอว่ากำลังบิดเบือนหน้าหาในหนังสือนิยาย The Witcher โดยคุณ Lauren บอกว่าเธอไม่ได้มีความต้องการจะเปลี่ยนเชื้อชาติหรือเพศของตัวละครตามใจชอบเพื่อตอบสนองกระแสความหัวก้าวหน้าในโลกออนไลน์ แต่เป็นความเห็นจากตัวผู้เขียนนิยายดั้งเดิมคุณ Andrzej Sapkowski ที่บอกเธอด้วยตัวเองว่าทวีปที่ตั้ง The Witcher เป็นทวีปที่มีความหลากหลายใรทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของชนชาติ วัฒนธรรม และเพศ รวมไปถึงสีผิวของผู้คนด้วย ทั้งนี้ แม้ว่าแฟนๆ ของซีรี่ย์ The Witcher ส่วนใหญ่ทุกวันนี้จะรู้จักกับซีรี่ย์ผ่านเกมเป็นหลัก แต่ต้องไม่ลืมว่าดั้งเดิมแล้วซีรี่ย์ถือกำเนิดในฐานะหนังสือนิยายก่อนเป็นอันดับแรก ภาพตัวละครจากเกมของ CD Projekt Red ก็เป็นภาพที่ค่ายจินตนาการขึ้นมาเองจากคำบรรยายในนิยาย จึงไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นภาพ ดั้งเดิม ได้เช่นกัน ซีรี่ย์ The Witcher มีแนวโน้มจะได้ปล่อยฉายทาง Netflix ภายในปี 2019 (ขอบคุณข้อมูลจาก ResetEra)
13 Sep 2018
เผยรายละเอียด Ciri ในซีรี่ย์ The Witcher | ผกก. บอกอาจได้ฉายเร็วกว่าที่คิด
เป็นที่จับตาโดยแฟนเกมทั่วโลกสำหรับซีรี่ย์ The Witcher จาก Netflix ที่ล่าสุดได้เผยรายละเอียดตัวละคร Ciri สำหรับการคัดตัวนักแสดงออกมาแล้ว ซึ่งเปิดเผยข้อมูลน่าสนใจมากมายสำหรับตัวละคร สำหรับข้อมูลข้อแรก ซึ่งน่าจะเป็นข้อที่พูดถึงกันเยอะที่สุด การคัดตัวนักแสดงในครั้งนี้ผู้สร้างซีรี่ย์ประกาศหานักแสดง BAME (ย่อมาจาก Black, Asian, minority ethnic หรือพูดง่ายๆ คือไม่ใช่คนขาว) อายุ 15-16 ปี  เพื่อรับบท Ciri ในอายุ 13-14 ซึ่งชาวเน็ตหลายคนพากันแสดงความไม่พอใจที่ Ciri จะไม่ได้เป็นคนขาวเหมือนในเกม โดยบางคนบอกว่าเนื้อเรื่อง The Witcher ตั้งอยู่ในประเทศโปแลนด์ จึงไม่ค่อยสมเหตุสมผลที่จะให้ตัวละครเป็นคนชนชาติอื่น ในคำประกาศคัดตัวได้อธิบายถึงตัวละคร Ciri เอาไว้ดังนี้: Ciri เป็นเด็กสาวที่มักจะใช้เวลาไปกับการเล่นต่อสู้กับเหล่าข้ารับใช้มากกว่าการนั่งแต่งตัวสวยๆ อยู่ข้างๆ ราชินี Calanthe ผู้เป็นยาย จนกระทั่งดินแดน Cintra ได้ถูกบุกโจมตีจากพวก Nilfgaardian จน Ciri ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าและออกเดินทางไปทั่วดินแดนตามลำพัง Ciri หารู้ไม่ว่าตนคือผู้สืบเชื้อสายตรงจากนักเวทย์ชาวเอล์ฟ Lara Dorren ซึ่งเป็นเหตุผลที่ตัวละครทุกตัวในซีรี่ย์ต่างไล่ตามเธอ โดยซีรี่ย์จะติดตาม Ciri ในขณะที่เธอหลบหนีจากผู้ไม่หวังดีและค้นพบความสามารถด้านเวทย์มนตร์ ด้านมืดภายในใจ และบทบาทที่เธอต้องเล่นในหายนะที่กำลังจะมาถึง Ciri จะได้พบกับ Geralt และ Yennefer เข้า โดยทั้งสองรู้ทันทีว่าจะต้องปกป้องเด็กผู้หญิงที่อาจจะนำมาซึ่งจุดจบขอโลก ทั้งสามจึงร่วมกันเดินทางไปในดินแดนแห่งโลก The Witcher นอกจากนี้ ผู้กำกับของซีรี่ย์คุณ Lauren Hissrich ยังได้เผยผ่านทวิตเตอร์ว่าซีรี่ย์อาจจะได้ออกฉายจริงเร็วกว่าที่หลายๆ คนคาดไว้! Some shiny new updates here... Thanks, @netflix! ?♥️ pic.twitter.com/q6qUO3bmy3 — Lauren S. Hissrich (@LHissrich) September 6, 2018 ข้อความดังกล่าวเป็นภาพ Placeholder (ภาพเบื้องต้นที่ใช้ก่อนมีภาพจริง) ของซีรี่ย์ใน Netflix ซึ่งภายใต้ภาพได้เผยช่วงเวลาฉายเอาไว้ว่าปี 2019 ซึ่งเร็วกว่าความคาดหมายของหลายๆ คนที่เชื่อว่าซีรี่ย์น่าจะได้ฉายจริงๆ ในปี 2020 มากกว่า ทั้งนี้ ผู้สร้างซีรี่ย์ได้เคยประกาศออกมาก่อนหน้านี้ว่าซีรี่ย์มีกำหนดเปิดกล้องถ่ายทำในช่วงเดือนตุลาคมของปีนี้ และคาดว่าน่าจะถ่ายทำเสร็จในช่วงเดือนพฤษภาคนปีหน้า โดยในขณะนี้ซีรี่ย์ยังมีอะไรต้องทำอีกเยอะกว่าจะได้ถ่ายทำ เช่นการคัดตัวนักแสดง ที่ปัจจุบันเพิ่งจะมีดาราที่ยืนยันแล้วเพียงคนเดียวคือนักแสดงที่จะรับบท Geralt อย่าง Henry Cavill (Man of Steel, Mission Impossible: Fallout) ในขณะที่บท Yennefer (อ่านบทหลุดที่ใช้คัดตัวนักแสดง ที่นี่) และ Ciri รวมไปถึงตัวละครอื่นๆ ยังไม่ได้หานักแสดงด้วยซ้ำ (ขอบคุณข้อมูลจาก PCGamesN)
10 Sep 2018
GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
ผลการค้นหา : "The Witcher Series"
The Witcher Season 2 จะดำเนินเรื่องอยู่ในไทม์ไลน์เดียว และจะพร้อมถ่ายทำเร็วๆ นี้!
The Witcher Season 1 นั้นคือทุกสิ่งที่แฟนๆ ต้องการจากการดัดแปลงมาเป็นทีวีซีรีส์ แต่มันก็ยังทำให้ผู้ชมบางคนงุนงงจากการแยกเรื่องราวออกเป็นหลายไทม์ไลน์ Geralt, Yennefer และ Ciri ต่างก็เริ่มใน Season เดียวกัน แต่อยู่กันคนละช่วงเวลา และสถานที่ มีแค่การบอกใบ้เกี่ยวกับสถานที่ในช่วงเวลาที่เหตุการณ์นั้นๆ เกิดขึ้น แต่ The Witcher Season 2 นั้นจะเปลี่ยนไป ในช่วงท้ายของ Season แรกเส้นทางของทั้งสามคนได้มาบรรจบกัน ทำให้การเรียงไทม์ไลน์นั้นง่ายขึ้น และเป็นหนึ่งเดียวกัน ผู้อำนวยการผลิต Lauren Hissrich ยืนยันว่าภาคนี้จะเป็นไปตามโครงเรื่องแบบดั้งเดิมมากขึ้น Lauren กล่าวกับ The Warp ว่า "เราจะได้เห็นตัวละครทั้งหมดอยู่ไทม์ไลน์เดียวกันใน Season 2" ในช่วงเริ่ม Season แรกนั้น Geralt มีอายุประมาณ 100 ปีแล้ว แต่เราจะได้เห็นอดีตของเขาเช่น ตอนเขาได้เป็น Witcher และตอนที่ได้พบกับที่ปรึกษาของเขา Vesemir เป็นครั้งแรก แต่ใน Season 2 นี้จะได้เห็นตัวของเขากับเพื่อนร่วมงานของ Geralt บางคน เราจะได้เห็นตัวละครเหล่านี้ที่มีประวัติมายาวนานร่วมกับ Geralt บางทีเราอาจได้เห็นวันแรกๆ ของเขาในฐานะ Witcher ก็ได้ นั่นคือสิ่งที่ Lauren กำลังบอกใบ้เกี่ยวกับ Season 2 ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำให้ Geralt กลับสู่รากเหง้าเดิมของเขาและเราจะได้รู้ว่าเขามาจากไหน Lauren กล่าวว่าเธอมอง The Witcher นั้นเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับครอบครัวด้วย Geralt, Ciri และ Yennefer ต่างก็ค้นพบกันและกัน เพื่อที่จะทำความเข้าใจความสัมพันธ์ของพวกเขา เราต้องเข้าใจ Witcher ที่ Geralt เติบโตมาด้วย เรายังไม่รู้วันที่ Season 2 จะฉาย ตอนแรกการถ่ายทำกำลังเริ่ม แต่ต้องเลื่อนออกไปเนื่องจากเหตุการณ์ COVID-19 ซึ่งดูเหมือน The Witcher จะสามารถถ่ายทำต่อได้ในเร็วๆ นี้ และทางสตูดิโอเริ่มกระบวนการถ่ายทำใหม่เมื่อต้นเดือน 2 มิถุนายน ที่ผ่านมา Arborfield Studio ที่ถ่ายทำ The Witcher ได้ประกาศว่าจะพร้อมสำหรับถ่ายทำในอีกไม่กี่สัปดาห์ Credit : PCGAMER สำหรับข่าวสารเกมที่น่าสนใจ คลิ๊ก!
16 Jun 2020
รวมข้อมูลเกี่ยวกับซีรีส์ The Witcher Season 2
ถือว่าประสบความสำเร็จมาก ๆ แล้วสำหรับซีรีส์ The Witcher ฉบับ Netflix ที่ได้คะแนนมากถึง 63% ใน Rotten Tomatoes ในฝั่งของ Tomatometer และ 93% สำหรับคะแนนของฝั่งผู้ชมทางบ้าน ทำให้หลาย ๆ คนกำลังมองหาถึงซีซันต่อไป วันนี้พวกเรา GameFever TH จึงขอรวบรวมข้อมูลที่มีในตอนนี้สำหรับ The Witcher Season 2 เนื้อเรื่อง เนื้อเรื่องของ The Witcher Season 2 จะเริ่มต่อจาก Episode 8 ของซีรีส์แรก หลังจากที่ Garalt ได้เจอกับ Ciri แล้วและพวกเขากำลังถามหา Yenefer ซึ่งหลาย ๆ คนมองว่าเนื้อเรื่องจะของซีซันต่อไปน่าจะเล่าเกี่ยวกับการที่ Garalt ฝึกฝน Ciri ให้เรียนรู้เกี่ยวกับพลังของตัวเอง รวมถึงตามหา Yenefer และอาจจะเล่าเรื่องราวในนิยายภาค Blood of Elves ที่ Garalt พา Ciri ไปยัง Kaer Morhen เพื่อฝึกฝนให้เธอสามารถต่อสู้กับเหล่าสัตว์ประหลาดต่าง ๆ และเป็นการปกป้องเธออีกทางจากจักรพรรดิของ Nilfgaard ที่ต่างก็อยากได้ตัวเธอเช่นกัน  นอกจากนี้สำหรับใครที่งง Timeline ในซีซันแรกในซีซันถัดไปทางผู้กำกับสัญญาว่าจะเล่าให้เป็นเส้นตรงมากขึ้น ดารานักแสดง สำหรับใน Season ที่สอง นักแสดงหลักยังคงเป็น Henry Cavill ในบท Garalt of Rivia , Anya Chalotra ในบทของ Yennefer และ Freya Allan ในบทของ Ciri ซึ่งมีข่าวแว่ว ๆ ว่าทางแฟน ๆ ของซีรีส์อยากที่จะได้ Mark Hamill มารับบทเป็น Vesemir แต่ในตอนนี้เจ้าตัวยังคงยืนยันว่ายังไม่ได้รับการติดต่อมาจากทีมงาน ทำให้เรื่องดารานักแสดงของซีซันต่อไปยังคงไม่ได้รับการเปิดเผยในตอนนี้ ความคืบหน้าในการถ่ายทำ ในตอนนี้ซีรีส์ The Witcher Season ที่ 2 อยู่ในขั้นตอนของการ Pre - Production หรือกระบวนการในการเริ่มการถ่ายทำ หานักแสดง เขียนบท รวมถึงหาสถานที่ในการถ่ายทำอยู่ในขณะนี้ โดยกำหนดการในการฉายซีรีส์หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ว่าจะมาในปี 2021 แผนระยะยาวของซีรีส์ The Witcher Lauren Schmidt Hissrich โปรดิวเซอร์ของซีรีส์นี้ได้กล่าวเคยกล่าวไว้ว่าพวกเขาวางแผนที่จะฉายซีรีส์ยาวถึง 7 Season และมีเนื้อหาจากนิยายมากพอที่จะทำได้ถึง 20 Season ทำให้หากกระแสของซีรีส์นี้ดังอย่างต่อเนื่อง เราคงจะได้ดูซีรีส์ The Witcher กันไปจนถึงรุ่นหลาน (ฮา) The Witcher ฉบับ Netflix ถือว่าทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมมาก สำหรับใครที่ยังไม่เคยดูแนะนำว่าให้รีบหามาดูโดยด่วนและหากยังอารมณ์ค้างเรามีคำแนะนำตามบทความนี้เลย  ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่  
14 Jan 2020
Yennefer vs Triss เลือกใครดีและเหตุผลที่ไม่ควรเก็บเธอไว้ทั้งสองคน
The Witcher 3 : Wildhunt ถือว่าเป็นหนึ่งในเกมที่ได้รับความนิยมมากในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากกระแสของซีรีส์ The Witcher ฉบับ Netflix ที่ทำให้ใครหลาย ๆ คนหยิบเกมนี้ขึ้นมาเล่นอีกครั้งหนึ่ง ตัวเกมแม้จะเก่าแล้วแต่ก็มีความยอดเยี่ยมในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านของเนื้อเรื่องที่ผลกระทบของเหตุการณ์ต่าง ๆ จะเกิดขึ้นจากการเลือกของผู้เล่น ทำให้หลาย ๆ คนลงทุนรีเซฟหรือว่าบางครั้งถึงกับเล่นใหม่เพื่อเปลี่ยนการตัดสินใจเลยก็มี และหนึ่งในตัวเลือกที่ยากที่สุดในเกมจนกลายเป็นประเด็นเล็ก ๆ ไปจนถึงการโต้วาทีคือ "Yennefer กับ Triss เลือกใครดี" ปล.บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาของเกม Yennefer กับ Triss รักสามเส้าของ Garalt หากใครที่ยังไม่เคยเล่นเกม The Witcher 3 หรืออ่านนิยายมาอาจจะไม่ค่อยเข้าใจว่าสามคนนี้เกี่ยวข้องอะไรกัน หากจะนิยามสั้น ๆ คือ ทั้งสามคนนี้มีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนาน โดย Yennefer และ Triss เป็นสองจอมเวทย์แห่งโลก The Witcher ที่เผอิญต้องมีชะตาเกี่ยวข้องกับ Garalt อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดย Yennefer ถือว่าเป็นคนรักเก่าของเขาที่อยู่ด้วยกันมานาน ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ในวันที่ 25 กันยายน 1268 เมื่อในเมือง Rivia ได้เกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ขึ้น Garalt ที่ออกมาปกป้องคนแคระกับเหล่า Elf ถูกทำร้ายอย่างหนักจนเขาเสียความทรงจำ Yenneferเองก็ถูกทำร้ายอย่างรุนแรงเช่นกันเนื่องจากเธอได้ช่วยรักษาบาดแผลให้กับเขา หลังจากเหตุการณ์นั้น Garalt ได้เสียความทรงจำ ทำให้เขาไปเจอกับจอมเวทย์หญิงอีกคนอย่าง Triss แทนและทั้งสองก็รักกันเรื่อยมาจนกระทั่ง Garalt ได้ความทรงจำกลับคืนมาและออกตามหา Yennefer จึงทำให้เกิดเรื่องวุ่น ๆ นี้ จุดเด่นของทั้งสองคน สำหรับใครที่ยังไม่เลือกใครดีผู้เขียนจะขอแนะนำตัวของทั้งสองคนแบบย่อ ๆ ให้เหล่าเกมเมอร์ได้นำไปพิจารณากัน โดย Yennefer แม้ว่าหน้าของเธอจะเหมือนกับหญิงสาวอายุ 20 กว่า ๆ แต่ว่าในความเป็นจริงเธอมีอายุเกือบจะ 100 กว่าปีแล้ว ทำให้เธอเป็นจอมเวทที่ทรงพลังมาก ในขณะเดียวกันการที่เธอผ่านอะไรมาเยอะทำให้เธอมีความเย็นชา พร้อมกับนิสัยของประพูดประชดประชัน ที่ทำเอา Garalt ต้องปวดหัวไปตาม ๆ กัน ในขณะที่ Triss ก็เป็นจอมเวทหญิงอีกคนที่ทรงพลังมากเช่นกันและมีจุดเด่นคือเวทไฟที่ใครเห็นแล้วต้องหวาดกลัว โดย Triss เนื่องจากที่เธอเป็นจอมเวทหญิงที่มีอายุน้อยที่สุด ทำให้เธอมักจะใช้อารมณ์ในบางครั้งประมาณว่า หากเธออารมณ์ดีเธอจะกลายเป็นผู้หญิงที่ใคร ๆ ก็หลงรัก แต่หากเธอโมโหละก็ตัวใครตัวมัน ซึ่งทั้งสองก็เป็นเสมือนกับตัวแทนของผู้หญิงที่เราชอบ ชอบใครก็เลือกคนนั้น ผลกระทบของการเลือกและไม่เลือก ในเกม The Witcher 3 เราจะมีภารกิจที่ต้องเกี่ยวข้องกับทั้งสองคนอยู่บ่อยครั้ง ทั้งภารกิจเสริมและภารกิจหลัก โดยเมื่อเราเล่นไปถึงจุดหนึ่งเราสามารถที่จะบอกรักตัวละครทั้งสองได้ และมีกิจกรรมร่วมกันได้ ซึ่งผู้เขียนไม่สามารถบอกได้เนื่องจากจะทำให้เว็บ Gamefever ของเราโดนแบนได้(ฮา) โดยผลกระทบจากการเลือกของเรานั้นจะไปส่งผลกับสามเควสหลักและฉากจบของเกม เควส Something Ends, Something Begins สำหรับเควสนี้เป็นเควสหลักก่อนจบเกม โดยหากเราเลือกคนใดคนหนึ่งและจบแบบ Good ending คนที่เราเลือกจะมาอยู่กับเราในบ้านหลังเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ในขณะเดียวกันหากเราไม่เลือกใครเลยเราจะกลายเป็น Witcher ผู้แสนโดดเดี่ยว เควส It Takes Three to Tango หากคุณเป็นคนเจ้าชู้เลือกทั้งสองคนคุณจะได้เควสนี้ โดยสองสาวจะหลอกให้คุณไปเตรียมไวน์มาเนื่องจากจะมีกิจกรรมพิเศษบางอย่าง แต่แล้วคุณก็ถูกสาวสองนี้เอาคืนอย่างเจ็บแสบ เควส Be It Ever So Humble... (DLC Blood and Wine) [caption id="attachment_38816" align="alignnone" width="1024"] รูปภาพจาก witcher.fandom.com[/caption] ในเควสสุดท้ายของ DLC : Blood and Wine เมื่อเรากลับไปถึงบ้านหากเราเลือกรักคนไหน หญิงสาวคนนั้นจะมาอยู่รอเราที่บ้าน หากคุณไม่เลือกใครและจบแบบ Good Ending คุณจะเจอกับ Ciri แทน แต่ถ้าไม่เลือกใครและจบแบบ Bad Ending เราจะเจอกับ Dandelion รวมถึงการเล่นแบบเลือก DLC นี้อย่างเดียวตั้งแต่เริ่มเกมก็จะเจอเขาเช่นกัน สรุป Yennefer และ Triss เปรียบเสมือนกับการที่ทาง CD Projekt ใส่เข้ามาเพื่อที่จะทดสอบเหล่าเกมเมอร์ว่า ในยามที่เราจะต้องเลือกใครสักคนและเราต้องตัดใจจากอีกคนคุณจะรับมือได้ไหม ซึ่งในชีวิตจริงของเราก็เช่นกันการจับปลาสองมือไม่ได้ทำให้แสดงให้เห็นถึงความรัก แต่มันเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเห็นแก่ตัวของคุณที่ยอมทำร้ายจิตใจของคนสองคนเพื่อตัวคุณคนเดียว
14 Jan 2020
กว่าจะเป็น Witcher ได้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง
ในตอนนี้เกมเมอร์หลาย ๆ คนรวมถึงแฟน ๆ ของซีรีส์ของ The Witcher อาจจะสงสัยว่าทำไมในจักรวาลนี้ถึงมีจำนวนของนักล่าอสูรหรือที่เรียกว่า Witcher ทั้ง ๆ ที่ปีศาจมีมากมายเกือบจะทั่วทั้งพื้นที่รวมถึงใคร ๆ ต่างก็เกลียดคนประเภทนี้เข้าไส้ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเจอหน้ากัน วันนี้เรา GameFever TH จะพามาเจาะลึกสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า Witcher อีกครั้ง Witcher คืออะไร นานมาแล้วได้เกิดเหตุการณ์ The conjunction of spare ทำให้โลกมิติต่าง ๆ ได้เชื่อมต่อกันเป็นโลกเดียว ทำให้เหล่าปีศาจและอสุรกายได้บุกเข้ามายังโลกในนี้ และเมื่อเหล่ามนุษย์ได้อพยพเข้ามาในดินแดน The Continent พวกเขาจึงต้องฝึกมนุษย์ขึ้นมาเพื่อรับมือกับเรื่องเหล่านี้โดยเฉพาะ เหล่าคนกลุ่มนี้ถูกเรียกว่า Wither Witcher ฝึกอะไรบ้าง แม้ว่าข้อมูลเกี่ยวกับเหล่า Witcher จะน้อยมากแต่จากการอ้างอิงในหลาย ๆ ที่พบว่าการที่จะได้เป็น Witcher นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเริ่มแรกพวกเขาจะคัดเอากลุ่มเด็ก ๆ มาฝึก ซึ่งเด็กกลุ่มนี้ส่วนใหญ่พวกเขาจะได้มาจากการที่พ่อแม่ของพวกเขาจ้าง Witcher ทำงานบางอย่างให้และไม่มีค่าตอบแทนให้ จึงได้ใช้กฎ law of surprise (การแทนคุณแบบไร้เงื่อนไข) ในการรับเอาเด็กกลุ่มนี้มาฝึก โดยเด็กกลุ่มนี้เมื่อมาถึงสถานที่ฝึกแล้วจะต้องผ่านพิธีในการกลายพันธุ์หรือที่เรียกว่า Trial of the grasses ซึ่งจะทำการฉีดสารพิษเข้าสู่ร่างกายเพื่อให้เกิดการกลายพันธ์ุและมีจำนวนเด็กเพียง 3 ใน 10 เท่านั้นที่รอดจากพิธีกรรมนี้ ทำให้พวกเขามีประสาทสัมผัสที่ดีกว่ามนุษย์ทั่วไป รวมถึงสามารถที่จะดื่มยาพิษได้มากกว่ามนุษย์ปกติที่สำคัญสิ่งเหล่านี้ได้ทำให้เหล่า Witcher เป็นหมันและไม่สามารถมีลูกได้ พร้อมกับมีอายุที่ยืนยาว หลังจากผ่านวิธีการกลายพันธ์ุแล้ว การพัฒนาทักษะในด้านต่าง ๆ ทั้งการเคลื่อนที่ ความว่องไว การฟันดาบและอื่น ๆ อีกมากมาย โดย Witcher จะมีสำนักต่าง ๆ มากถึง 6 สำนักที่จะมีจุดเด่นจุดด้อยที่แตกต่างกันไปที่เราจะเห็นได้จากชุดต่าง ๆ ในเกม The Witcher 3 ที่แต่ละสำนักจะมีความสามารถแตกต่างกันอย่างชัดเจน นอกจากนี้พวกเขายังจะต้องฝึกเวทประจำตัวของเหล่า Witcher ทั้ง 6 อย่างได้แก่ Aard เวทที่ใช้ในการผลักสิ่งต่าง ๆ Igni เวทไฟที่ใช้ในผ่านมือออกมาเป็นเปลวไฟในการโจมตีศัตรู Yrden เวทกับดัก Quen เวทใช้สำหรับการป้องกันการโจมตี Axii เวทที่ใช้ในการสะกดจิตผู้คน นอกจากด้านการต่อสู้แล้วเหล่า Witcher จะต้องมีความรู้ด้านบุ๋น พวกเขาต้องรู้จักปีศาจต่าง ๆ รวมถึงวิถีในการถอนคำสาปและน้ำยาต่าง ๆ ที่ใช้ทั้งปรุงเพื่อดื่มเสริมประสิทธิภาพในการต่อสู้และใช้ในการทาเคลือบดาบอีกด้วย Witcher ทำไมเหลือน้อย เนื่องจากว่าเหล่า Witcher ถูกฝึกมาหนักและผ่านการกลายพันธ์ุมาทำให้พวกเขาดูแตกต่างไปจากมนุษย์ทั่วไป ทำให้พวกเขาถูกมองว่าเป็นตัวประหลาด นอกจากนี้ Witcher หลาย ๆ คนยังขูดรีดเงินค่าจ้างจากเหล่าผู้คนทั่วไปในราคาแพง จึงทำให้ภาพลักษณ์ของคนกลุ่มนี้ติดลบไปอีก การที่พวกเขาถูกมองว่าเป็นตัวประหลาดทำให้บางครั้งนำไปสู่การเข้าใจผิด อย่างในสำนักของ Garalt อย่างสำนักหมาป่า (School of the Wolf) เองก็ถูกเหล่าชาวบ้านที่นำโดยเหล่าจอมเวทและนักบวชบุกเข้ามาสังหารหมู่จนทำให้สำนักนี้เสียหายอย่างหนักและไม่สามารถที่จะสร้าง Witcher รุ่นใหม่ออกมาได้อีกเลย ซึ่งไม่เฉพาะสำนักหมาป่าเท่านั้น แต่สำนักอื่น ๆ ต่างก็ถูกกวาดล้างแทบทั้งสิ้น จนเหลือคนกลุ่มนี้ในสังคมน้อยมาก เนื่องจากเหตุการณ์ที่กล่าวมานี้เอง ทำให้เหล่า Witcher บางคนมักจะน้อยเนื้อต่ำใจที่พวกเขาเกิดมาเป็น Witcher แม้แต่ Garalt เองก็มักจะเซ็งกับเรื่องเหล่านี้เหมือนกัน แต่เขาก็เข้าใจกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเพราะแม้ทุกคนจะเกลียด Witcher แต่โลกใบนี้ก็ต้องการคนอย่างพวกเขาอยู่ดี อ้างอิงจาก:witcher.fandom.com
14 Jan 2020
5 เรื่องที่คุณควรทำหากกำลังอินกับซีรีส์ The Witcher ฉบับ Netflix
ถือว่าประสบความสำเร็จมาก ๆ แล้วสำหรับซีรีส์ The Witcher ฉบับ netflix ที่นอกจากจะสร้างกระแส Witcher Fever ไปทั่วทั้งโลกแล้วยังทำให้เกม The Witcher 3: Wild Hunt กลับมาได้รับความนิยมอีกด้วยทั้ง ๆ ที่เกมวางจำหน่ายไปแล้ว เกือบ ๆ 5 ปี สำหรับใครที่กำลังอินกับซีรีส์นี้อยู่เรา GameFever TH มีคำแนะนำมามอบให้กับทุก ๆ ท่าน อ่านนิยาย [caption id="attachment_38507" align="alignnone" width="1024"] รูปภาพจาก thegamer[/caption] The Witcher มีที่จากนวนิยายของ Andrzej Sapkowski นักเขียนชาวโปแลนด์ ดังนั้นการที่เราจะเรียนรู้ตัวได้ดีที่สุดคือการอ่านนิยายต้นฉบับ ซึ่งข้อดีของการอ่านนิยายคือเนื้อหาจะมีการบรรยายที่ละเอียดกว่าทุก ๆ เวอร์ชัน แต่เป็นที่น่าเสียดายที่เวอร์ชันที่อ่านง่ายที่สุดดันเป็นภาษาอังกฤษล้วน ดังนั้นหากภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงอาจจะต้องสู้หน่อย โดยนิยายสามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือภาษาอังกฤษชั้นนำทั่วไป เปิดเพลง Toss the coin in to Your Witcher จากเพลงประจำซีรีส์กลายเป็นเพลงติดหูที่ไปในที่ไหน ๆ หากมีแฟนของซีรีส์ The Witcher อยู่จะต้องได้ยินอย่างแน่นอน เพลงนี้เป็นเพลงที่ Jaskier( Dandelion) ร้องให้กับ Geralt ในตอนท้ายของ Episode 2 ซึ่งทาง Netflix เองก็แปลงเพลงนี้เป็นภาษาต่าง ๆ มากถึง 14 ภาษาเลยทีเดียว เล่นเกม The Witcher 3: Wild Hunt หากจะหาเกมเกี่ยวกับจักรวาล The Witcher ตอนนี้ก็ไม่มีเกมไหนจะน่าเล่นไปกว่า The Witcher 3: Wild Hunt แล้ว ตัวเกมแม้จะเล่าเรื่องหากจากซีรีส์ไปหลายปี แต่ก็มีตัวละครต่าง ๆ ที่คุ้นเคยและคุณจะรู้จักได้อย่างแน่นอน ที่สำคัญเนื้อเรื่องของเกมนี้ยาวมาก ขั้นต่ำก็ 60 ชั่วโมงเลยทีเดียว ดูพากษ์หรือเปลี่ยนซับไตเติลเป็นภาษาอื่น ๆ อันนี้เป็นสิ่งที่ผู้เขียนชอบทำหลังจากดูซีรีส์ดัง ๆ จบ คือการเปิดดูพากษ์ภาษาอื่น ๆ จะทำให้เรารับรู้มุมมองต่าง ๆ กันเช่นหากคุณดูพากษ์ไทย Garalt จะรู้สึกว่าไม่ค่อยแก่มาก แต่หากคุณลองฟังพากษ์ญี่ปุ่นเขาจะคล้าย ๆ กับตัวร้ายเลยทีเดียวหรืออาจจะลองเปลี่ยนซับไตเติลก็ได้ถือว่าเป็นการฝึกภาษาในตัวเช่นกัน เล่นเกม Thronebreaker: The Witcher Tales สำหรับข้อสุดท้ายหากคุณเล่นเกม The Witcher 3: Wild Hunt จบแล้ว ดูซีรีส์จบแล้ว อ่านนิยายจบแล้วขอแนะนำเกมนี้เลย Thronebreaker: The Witcher Tales ที่จะเล่าเรื่องราวของราชินี  Meve แห่งอาณาจักร Lyria and Rivia ด้วยมุมมองของเนื้อเรื่องเสริมของจักรวาล Thw Witcher นอกจากนี้ระบบการเล่นยังเอา Gwent มาพัฒนาใหม่ให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย เป็นอีกหนึ่งเกมน่าเล่นรองจาก The Witcher 3: Wild Hunt เลยทีเดียว โดยตัวเกมสามารถหาซื้อได้จากทั้งใน Steam และ GOG ตอนนี้ซีรีส์ The Witcher ได้เริ่มขั้นตอนของงาน Production สำหรับ Season ที่ 2 แล้วและมีกำหนดการณ์ที่จะฉายในปี 2021 ดังนั้นแฟน ๆ ทั้งหลายอดใจรอหน่อย ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
10 Jan 2020
7 สิ่งที่คุณควรรู้หากอยากเล่นเกม The Witcher 3: Wild Hunt
The Witcher 3: Wild Hunt ในตอนนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในเกมที่ได้รับความนิยมมากในแบบที่ว่ามีผู้เล่นสูงกว่าตอนตัวเกมเปิดใหม่ ๆ เสียอีกจนสามารถติดอันดับ 10 เกมที่มีผู้เล่นพร้อมกันสูงสุดของ Steam เลยทีเดียว ซึ่งปฎิเสธไม่ได้ว่าการที่เกมได้รับความนิยมขนาดนี้มาจากกระแสของซีรีส์ The Witcher ฉบับ Netflix ที่กำลังดังเป็นพลุแตกในตอนนี้ สำหรับเกมเมอร์ท่านไหนที่กำลังจะลองเล่นเกมนี้ พวกเรา GameFever TH มีคำแนะนำให้กับทุกท่าน 1.เนื้อเรื่องของเกมยาวมาก หากท่านคิดที่จะเริ่มเล่นเกมนี้ขอให้เตรียมใจอย่างแรกคือเนื้อเรื่องของเกมมีความยาวมาก โดยความยาวเฉลี่ยของเนื้อเรื่องหลักคือประมาณ 51 ชั่วโมง ยังไม่นับกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงภารกิจรองอีกมากมายให้เราได้เล่นในเกม ทำให้อาจจะหมดเวลาเป็น 100 ชั่วโมงเลยก็เป็นได้หรือต่อให้จะ Speed Run ไม่ทำอะไรเลยก็จะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 20 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย 2.เกมนี้มีเรต 18+ The Witcher 3 เป็นเกมที่มีจุดค่ายหลักคือเนื้อเรื่องเข้มข้นในสไตล์แบบผู้ใหญ่ ที่จะไม่มีคำว่าถูกผิดแต่จะมีแต่คำว่าถูกใจเราหรือไม่ ทำให้ตัวเกมจะมีเนื้อหาที่รุนแรง รวมถึงฉากโป๊เปลือยให้เราได้เห็นอยู่เนื่อง ๆ ดังนั้นน้อง ๆ ที่มีอายุไม่เกิน 18 ปีไม่ควรที่จะเล่นเกมนี้ 3.สกิลสามารถรีได้ทุกเมื่อ หลาย ๆ คนเล่นเกมใหม่ ๆ อาจจะไม่รู้ว่าจะอัปสกิลอะไรดีหรือบางคนอัปสกิลไปแล้วแต่ว่าไม่ถูกใจอยากจะปรับทักษะใหม่ ก็สามารถที่จะทำได้ โดยในเกมจะมีไอเทมที่ชื่อว่า Potion of Clearance ซึ่งจะขายตามร้านค้าต่าง ๆ ในราคา 1000 Crowns เมื่อกดใช้ไอเทมนี้ตัวละครเราจะทำการรีสกิลทั้งหมด 4.สารานุกรมปีศาจคือกุญแจสำคัญในการต่อสู้ Bestiary หรือสารานุกรมปีศาจถือว่าเป็นหนึ่งในคู่มือที่จะทำให้เราเล่นเกมนี้ได้ง่ายขึ้น โดยข้อมูลในนี้จะทำให้เราสามารถที่จะเตรียมตัวสู้กับเหล่า Monster ต่าง ๆ ในโลกของ The Witcher 3: Wild Hunt ได้ง่ายขึ้น ในหน้านี้จะบอกข้อมูลให้กับเราทุกอย่างไม่ว่าจะน้ำยาที่ใช้ คาถาที่แพ้ทาง รวมถึงข้อมูลเบื้องต้นของเหล่า Monster อีกด้วยดังนั้นเป็นไปได้ให้เปิดหน้านี้บ่อย ๆ 5.ระวังโดนรับน้องด้วยการฟาร์มวัว [caption id="attachment_37957" align="alignnone" width="1024"] รูปภาพจาก Youtube ช่อง Eduardo Najar[/caption] สำหรับเกมเมอร์มือใหม่ที่ยังเลเวลน้อยและเงินยังไม่พอใช้ มักจะมีเหล่าสมาชิกใน Community ของเกม The Witcher 3 หรือเพื่อน ๆ บอกไปฟาร์มวัวเพื่อเก็บตังค์ ขอบอกเลยว่าเราฟาร์มวัวได้จริงแต่อย่าฟาร์มมากจนเกินไป มิฉะนั้นคุณอาจจะเจอการรับน้องจากผู้เล่น The Witcher 3 ได้ 6.อย่าสู้ Monster ข้ามเลเวล ในเกม The Witcher 3 นั้นจะมีความเป็น RPG อยู่พอสมควรทำให้มีการกำหนดเลเวลของศัตรูไว้เพื่อให้เหล่าผู้เล่นระวังตัว โดยหากเราเจอกับ Monster ที่มีสัญลักษณ์เป็นรูปกะโหลกสีแดงหมายความว่า Monster ตัวนั้นเก่งและมีเลเวลสูงกว่าเราทำให้เราต้องเตรียมตัวให้ดีไม่ก็เลี่ยงการปะทะ 7.เวอร์ชัน PC มีเวอร์ชันแปลไทย ถือว่าเป็นหนึ่งในข้อได้เปรียบสำหรับตัวเกมเวอร์ชัน PC ที่สามารถลง Mod ภาษาไทยได้ ทำให้เกมเมอร์ที่ภาษาอังกฤษไม่เก่ง สามารถที่จะสนุกกับเนื้อเรื่องของเกม The Witcher 3 ได้ โดย Mod นี้เกิดจากพลังของผู้เล่นชาวไทยจาก Community : The Witcher 3 Thailand ที่ร่วมด้วยช่วยกันแปล จนเสร็จไปแล้วถึง 90% ของเนื้อหาทั้งหมด โดยตัว Mod สามารถที่จะเข้าไปโหลดได้ในกลุ่มเลย แม้ว่าจะผ่านช่วง Steam Sale มาแล้วแต่เกม The Witcher 3: Wild Hunt ยังคงคุ้มค่าคุ้มราคาแม้จะซื้อตัวเกมในราคาเต็ม ดังนั้นหากคุณยังไม่เคยสัมผัสกับ Game of The Year ประจำปี 2015 ก็ควรหามาลองเล่นดู แล้วคุณจะรู้ว่าเกมนี้ดีจริง
06 Jan 2020
คุณสามารถเล่นเพลง Toss A Coin To Your Witcher ในเกม Beat Saber ได้แล้ว
The Witcher ฉบับซีรีส์จากทาง Netflix ถือว่าได้รับความนิยมมากในตอนนี้ อีกทั้งประสบความสำเร็จอย่างมากจนยังไงเราก็คงจะได้เห็น Season ที่ 2 แน่ ๆ โดยหนึ่งในความยอดเยี่ยมของซีรีส์คือเพลงประกอบอย่าง Toss A Coin To Your Witcher ที่ฟังรอบแรกก็ติดหูแล้ว หากใครรู้สึกติดใจเพลงนี้แล้วอยากที่จะเพิ่มกิจกรรมอื่น ๆ เข้าไปในเพลง ในตอนนี้เกม Beat Saber เกมดนตรี VR ชื่อดังสามารถที่จะเล่นเพลง Toss A Coin To Your Witcher ได้แล้ว ซึ่งได้อารมณ์ของการเป็น Witcher ที่ต้องถือดาบสองเล่มเป็นอย่างมาก หากใครอยากที่จะเห็นตัวอย่างก็สามารถดูได้จากวิดีโอด้านล่างนี้ https://www.youtube.com/watch?v=AjfABhvswrI&feature=emb_title ใครที่สนใจและมีเกมสามารถโหลดได้ที่นี่ อ้างอิงจาก: www.pcgamer.com
31 Dec 2019
The Witcher ฉบับ Netflix ขึ้นแท่นซีรีส์ที่คนต้องการดูมากที่สุดในโลก
The Witcher ฉบับ Netflix ถือว่าประสบความสำเร็จมาก ๆ เกินกว่าที่หลาย ๆ คนคิดไว้ โดยการที่ได้พระเอกอย่าง Henry Cavill มารับบทเป็น Geralt of Rivia และได้ Anya Chalotra กับบท Yenefer เมื่อผสมรวมกับเนื้อเรื่องที่ดาร์กแต่เข้มข้นทำให้ซีรีส์นี้ผลตอบรับออกมายอดเยี่ยม อ้างอิงจาก businessinsider ที่ได้ทำการสำรวจความต้องการของผู้คนเกี่ยวกับซีรีส์ที่พวกเขาอยากดู พบว่าซีรีส์ The Witcher ฉบับ Netflix ขึ้นแท่นซีรีส์ที่คนต้องการดูมากที่สุดในโลก โดยทำสถิติยอดผู้ชมสูงมากในหลาย ๆ ประเทศทั้งสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย นอกจากนี้ในประเทศสหรัฐอเมริกาซีรีส์นี้ยังมีผู้ชมสูงกว่า The Mandalorian จากทางของ Disney อีกด้วย หากใครอยากที่จะสัมผัสกับความยอดเยี่ยมของ The Witcher ในรูปแบบซีรีส์ก็สามารถรับชมได้ทาง Netflix โดยซีรีส์รองรับทั้งการพากย์ไทยและคำบรรยายภาษาไทย อ้างอิงจาก:www.ign.com
31 Dec 2019
ลือ Henry Cavill ได้รับค่าตัวจากการแสดงใน The Witcher ตอนละ 12 ล้านบาท
ในตอนนี้คงไม่มีคงไม่มีซีรีส์ไหนจะได้รับการโปรโมทจากทาง Netflix มากไปกว่า The Witcher หนึ่งในนิยายและเกมขวัญใจชาวโลก โดยอย่างที่เรารู้กันว่าซีรีส์เรื่องนี้ได้พระเอกอย่าง Henry Cavill มารับบทเป็น Geralt of Rivia ซึ่งเขาก็แสดงได้อย่างสมบทบาทและได้ใจแฟน ๆ อย่างมาก จนทำให้เป็นการยากที่จะหาคนมาแสดงแทนเขาได้ ย้อนไปในช่วงที่กำลังหาตัวนักแสดงเพื่อสร้างซีรีส์ได้มีข่าวลือว่า Henry Cavill ได้ค่าตัวจากการแสดงบทนี้ 3.2 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 96 ล้านบาทได้ โดยหากคิดจากจำนวน 8 ของซีรีส์ในซีซันที่ 1 จะพบว่าเขาได้เงินจากบทนี้ประมาณตอนละ 12 ล้านบาทเลยทีเดียว ผลของการแสดงที่ยอดเยี่ยมและผลตอบรับที่ดีทำให้ในตอนนี้มีการเดินหน้าสำหรับซีซีนที่ 2 แล้ว ทำให้เราคงได้พบกับพระเอกท่านนี้อีกนาน อ้างอิง :www.vgr.com
26 Dec 2019
เรียงลำดับตอนที่ได้คะแนนดีที่สุดของซีรีส์ The Witcher
ในช่วงคริสต์มาสนี้นอกจากหลาย ๆ คนออกเดินทางกันเพื่อท่องเที่ยว มีหลายคนที่ยังคงทำงานอยู่และมีหลายคนไม่น้อยที่เลือกจะอยู่บ้านพักผ่อนและดูซีรีส์ The Witcher ที่กำลังเปิดให้รับชมใน Netflix ตอนนี้ ซึ่งด้วยความที่เป็นซีรีส์ทำให้แต่ละตอนจะมีลักษณะพิเศษที่แตกต่างกัน วันนี้ทาง IMDB ได้เปิดเผยคะแนนของแต่ละตอนแล้วดังนี้ อันดับที่ 1 Episode 8: Much More คะแนน 9.3/10 อันดับที่ 2 Episode 7: Before a Fall คะแนน 9/10 อันดับที่ 3 Episode 3: Betrayer Moon คะแนน 9/10 อันดับที่ 4 Episode 4: Of Banquets, Bastards and Burials คะแนน 8.9/10 อันดับที่ 5 Episode 5: Bottled Appetites คะแนน 8.9/10 อันดับที่ 6 Episode 6: Rare Species  คะแนน 8.7/10 อันดับที่ 7 Episode 1: The Ends Beginning คะแนน 8.7/10 อันดับที่ 8 Episode 2 :Four Marks คะแนน 8.2/10 จะเห็นได้ว่าแต่ละตอนมีคะแนนมากว่า 8 ทั้งสิ้น ซึ่งก็สมกับการรอคอยของแฟน ๆ นิยายและแฟน ๆ ของเกม The Witcher หากใครยังไม่ได้ดูซีรีส์เรื่องนี้แนะนำหามาดูโดยด่วน อ้างอิงจาก: www.imdb.com
26 Dec 2019
แฟนๆ เผยอยากเห็น Mark Hamill รับบทสำคัญในซีรีส์ The Witcher ซีซันที่ 2
Mark Hamill ดารา Hollywood ที่ปัจจุบันอายุ 68 แล้วแต่ก็ยังคงได้รับบทบาทสำคัญในภาพยนตร์ต่าง ๆ รวมถึงบทบาทในตำนานอย่าง Luke Skywalker อันโด่งดัง ล่าสุดแฟน ๆ ของ Mark Hamill อาจจะเห็นเขาอยู่ในซีรีส์ The Witcher ก็เป็นได้ เรื่องนี้มีต้นทางมาจากปี 2018 เมื่อ Lauren S. Hissrich โปรดิวเซอร์ของซีรีส์ The Witcher ได้ทวีตลักษณะของตัวละครต่างๆ ของเรื่องใน Twitter ในช่วงของการเตรียมหานักแสดง ซึ่งคุณ Mark Hamill ก็ได้ทวีตตอบว่าเขาไม่รู้หลอกว่าตัวละครเหล่านี้หมายถึงอะไร แต่หากเขายอมรับได้หากได้เล่นเป็นตัวละครเหล่านี้ https://twitter.com/HamillHimself/status/971110626754904064?s=20 ซึ่งในตอนนี้ซีรีส์ The Witcher ประสบความสำเร็จพอสมควร พร้อมทั้งเตรียมเดินหน้า Season 2 แล้ว ทำให้ Tweet นี้กลับมาเป็นที่นิยมของเหล่าแฟน ๆ อีกครั้ง โดยบทที่แฟน ๆ อยากจะให้ลุง Mark Hamill เล่นคือ Vesemir เพื่อนสนิทของ Geralt of Rivia หากดีลนี้สำเร็จแฟน ๆ อาจจะได้เห็น Vesemir ที่รับบทโดย Mark Hamill ในซีซันถัดไปก็เป็นได้ ที่มา:gamesradar.com
24 Dec 2019
รีวิว The Witcher ฉบับ Netflix
The Witcher ถือว่าเป็นหนึ่งในนวนิยายขายดีประจำประเทศโปแลนด์ผลงานจากนักเขียนชื่อดัง Andrzej Sapkowski ก่อนที่ทาง CD Projekt จะนำเอามาดัดแปลงเป็นเกมจำนวนสามภาค ซึ่งได้รับคำชมจากเหล่าเกมเมอร์อย่างมากโดยเฉพาะตัวเกมภาคที่ 3 The Witcher 3: Wild Hunt ที่ทำออกมาได้ดีมากจนคว้ารางวัล Game of The Years 2015 ไปครอง ปัจจุบันแม้จะผ่านมา 5 ปีแล้วตัวเกมยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องและลงเครื่อง Nintendo Switch ไปเมื่อไม่นานมานี้ ในที่สุด Netflix ก็นำเอากระแสของ Witcher มาทำเป็นซีรีส์ให้เราได้ดูกัน ซึ่งเรื่องนี้หลาย ๆ คนน่าจะติดตามพอสมควร เนื่องจากความนิยมของเกมและนิยาย แต่ด้วยการที่ตัวซีรีส์มาจากสิ่งที่หลาย ๆ คนชอบทำให้ต้องเจอกับคำวิจารณ์หลาย ๆ อย่างตั้งแต่การ Cast นักแสดงไปจนถึงตอนถ่ายทำ จนในวันที่ 20 ธันวาคม 2019 ที่ผ่านมาซีรีส์นี้ก็ออกสู่สายตาชาวโลกเสียทีและนี่คือรีวิวจากพวกเรา Gamefever เนื้อเรื่อง The Witcher ฉบับ Netflix หรือชื่อไทยเดอะ วิทเชอร์ นักล่าจอมอสูร จะเล่าเรื่องราวของ 3 คนคือ Geralt of Rivia (นำแสดงโดย Henry Cavill) , Cirilla Fiona Elen Riannon (นำแสดงโดย Freya Allan) และ Yennefer (นำแสดงโดย Anya Chalotra) ที่แม้ชีวิตของพวกเขาจะเริ่มต้นไม่เหมือนกันแต่โชคชะตาก็นำพาให้พวกเขามาพบกันในที่สุด ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะมีผลต่อชะตากรรมของคนทั้งทวีปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเนื้อหาจะมีจำนวนทั้งหมด 8 ตอนและมีความยาวประมาณ 50 นาทีต่อตอน เนื้อเรื่องถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของ Witcher ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มไหน ๆ ซึ่งทางผู้กำกับเลือกที่จะเอาเล่าแบบสลับ Timeline แบบฉากต่อฉาก และไม่เรียง Timeline ทำให้เรารู้สึกว่าทางผู้ถ่ายทำต้องการนำเสนอโลกของ Witcher แบบภาพรวมก่อนที่จะนำเอาทุกอย่างมาประกอบกันในตอนท้าย ซึ่งถือว่าทำออกมาได้ไม่เลวเลยแต่ติดตรงที่การเล่าเรื่องในช่วงแรก ๆ ที่ทำออกมาดีมากแต่ในช่วงหลัง ๆ เรื่องราวนั้นไม่ได้เข้มข้นเหมือนกับช่วงแรก ๆ ของซีรีส์ ซึ่งกว่าที่เราจะรู้สึกสนุกอีกครั้งก็เกือบ ๆ ท้ายของซีรีส์ที่ปมต่าง ๆ เริ่มได้รับการเปิดเผย ทำให้เราได้แต่หวังว่า Season ถัดไปเนื้อเรื่องจะได้รับการสานต่อ การแสดง ในส่วนของการแสดงต้องบอกว่าตัวละครหลักนั้นถือว่า Cast มาได้อย่างดี โดยเฉพาะ Henry Cavill ในฐานะ Geralt เขาก็ไม่ได้ทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง เขาสามารถเข้าถึงบทนี้ได้เป็นอย่างดีการแสดงอารมณ์ต่าง ๆ เล่นได้อย่างดี โดยเฉพาะฉาก Action ที่พี่แกใส่แบบไม่ยั้ง นอกจากนี้ในซีนที่ต้องเล่นมุกตลกพี่แกก็ยังคงความเป็น Geralt ในขณะเดียวกันก็สร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้ชมได้อย่างไหลลื่น อีกคนที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือ Anya Chalotra ที่แม้ว่าหลาย ๆ คนจะไม่ค่อยชอบเธอในฐานะของ Yennefer มาตั้งแต่ตอน Cast แต่เธอก็เล่นบทนี้ออกมาได้ดีเยี่ยม รวมถึง Freya Allan กับบท Ciri ก็ทำออกมาได้ประทับใจพอสมควร แต่เป็นที่น่าเสียดายนอกจากตัวละครหลักแล้วตัวละครรองและนักแสดงบทบาทสมทบอื่น ๆ ดันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ นอกจากนี้แล้วเหมือนว่าทางซีรีส์พยายามที่จะเพิ่มความหลากหลายของตัวละคร ทั้งในเรื่องของสีผิวและเชื้อชาติ ทำให้สิ่งนี้อาจจะขัดใจแฟน ๆ ของ The Witcher หลาย ๆ คน แต่หากคุณไม่ซีเรียสเรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร ฉากในเรื่อง Wicther ฉบับ Netflix ยังคงกลิ่นอายแบบที่แฟนเกมและแฟนนิยายคุ้นเคย ฉากต่าง ๆ จะให้ความรู้สึกของการที่เราได้อยู่ในโลกของ Witcher อย่างครบถ้วนและทำออกมาได้ดี ปีศาจต่าง ๆ ฉากการกินยา การร่ายเวทมนตร์ถือก็ทำออกมาได้ดี นอกจากนี้ซีรีส์มาพร้อมกับ Rate 18 + ทำให้เราจะเห็นฉากรุนแรงแบบจัดเต็ม ชนิดที่ว่าหากคุณไม่ชอบดูอะไรโหด ๆ แนะนำว่าให้เตรียมใจเล็กน้อยก่อนที่จะดู ฉากโป๊เปลือยก็ทำให้เราเห็นอยู่บ่อย ๆ ทั้งจากตัวละครหลักและนักแสดงคนอื่น ๆ ดังนั้นน้อง ๆ ที่อายุไม่ถึง 18 ปีไม่ควรจะชมภาพยนตร์เรื่องนี้ สิ่งที่น่าผิดหวังสำหรับเรื่องฉากในเรื่องคงจะเป็นชุดของทหาร Nilfgaard ที่ดูแล้วไม่ค่อยจะสวยเท่าไหร่ ต่างกับชุดของทหารจากอาณาจักรอื่น ๆ ที่ทำออกมาได้เท่มาก สรุป สรุปแล้ว Wicther ฉบับ Netflix ถือว่าเป็นซีรีส์ที่ดูได้สนุกเรื่องหนึ่ง ตัวซีรีส์มีหลากหลายรสชาติให้เราได้สัมผัสในแง่มุมต่าง ๆ อย่างครบถ้วน แต่หากคุณเป็นแฟนที่ติดภาพมาจากนิยายหรือเกม คุณจะเจอกับเรื่องขัดใจในหลาย ๆ จุด ดังนั้นก็อยู่ที่คุณแล้วว่าจะดูหรือไม่ [penci_review id="37176"]
23 Dec 2019
5 เรื่องควรรู้ก่อนดู The Witcher ฉบับ Netflix
หลังจากที่ทาง Netflix ประกาศว่าจะสร้างซีรีส์ The Witcher แฟนนิยายหลาย ๆ คนรวมถึงแฟนเกมต่างที่เตรียมตั้งหน้าตั้งตารอซีรีส์เรื่องนี้อย่างมาก แม้ว่าจะมีกระแสดราม่าทั้งจากแฟนนิยายและแฟนเกมมาสักพักหนึ่งแต่ Netflix เองก็เตรียมที่จะปล่อยออกมาให้รับชมกันแน่นอนในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2019 นี้ สำหรับเพื่อน ๆ ที่ไม่ได้ติดตามข่าวของซีรีส์เรื่องนี้วันนี้พวกเรา GameFever TH ได้รวบรวมสิ่งที่น่าสนใจมาให้เพื่อน ๆ ได้เตรียมความพร้อมกัน 1. เนื้อเรื่องในซีรีส์จะอิงจากนิยาย เรื่องนี้สำหรับแฟนเกมอาจจะผิดหวัง เนื่องจากทาง Lauren Schmidt Hissrich โปรดิวเซอร์ของซีรีส์เลือกที่จะเล่าเรื่องโดยอิงจากนวนิยายชื่อเดียวกันในเล่ม The Last Wish ซึ่งจะเล่าเรื่องราวความเป็นมาของตัวละครอย่าง Geralt , Yennefer และ Ciri ที่เป็นเนื้อหาก่อนเกมภาคแรก 2. ซีรีส์นี้ไม่เหมาะสมสำหรับเยาวชน หากเพื่อน ๆ เคยเล่นเกม The Witcher 3 หรืออ่านนิยายเรื่องนี้มา ย่อมที่จะรู้ว่าเนื้อหาของแฟรนไชส์นี้จะมีความเป็นผู้ใหญ่สูงคือ ไม่มีถูกหรือผิดอยู่ที่เราใช้วิจารณญาณของพวกเราเอง นอกจากนี้ยังมีฉากของความรุนแรงและเรื่องของเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งทีมผู้สร้างเองก็ยืนยันว่า ซีรีส์เรื่องนี้ไม่เหมาะสำหรับเยาวชนด้วยประการทั้งปวง 3. ได้นักแสดงคุณภาพยอดเยี่ยมมากมาย หลาย ๆ คนอาจจะรู้สึกผิดหวังเพราะว่าตัวละครที่ทางผู้สร้าง Cast มาแสดงในซีรีส์นั้นไม่เหมือนกับฉบับของเกมที่ทำออกมาได้อย่างน่าจดจำ ถึงกระนั้นนักแสดงแต่ละคนที่มารับบทในซีรีส์ก็ถือว่ามีผลงานที่ดีพอสมควรทั้ง Henry Cavill ที่เปลี่ยนจากบท Superman ของหนัง Man of Steel มารับบทเป็นนักล่าอสูร Geralt ที่ตัวเขาเองยังยอมรับว่าเป็นแฟนตัวยงของเกมนี้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีดารานักแสดงมากมายเช่น Anya Chalotra รับบทเป็น Yenefer Freya Allan รับบทเป็น  Ciri Anna Shaffer รับบทเป็น Triss 4.ถ่ายทำเสร็จสิ้นแล้ว สำหรับหลาย ๆ คนที่กังวลว่าซีรีส์นี้ไปถึงไหนแล้ว คำตอบคือถ่ายทำเสร็จแล้วและกำลังที่เข้าสู่กระบวนการตัดต่อเพื่อที่เตรียมฉายในปี 2019 นี้ ซึ่งงานโปรดักชันที่ออกมาล่าสุดคือ Trailer ของซีรีส์นี้ ที่ทำให้เราได้เห็นภาพรวมว่าซีรีส์นี้เป็นอย่างไร ซึ่งธีมของซีรีส์ก็จะมีกลิ่นอายเหมือนกับในเกมที่ออกมา 5.อาจจะมี Season 2 ทันทีหลังเริ่มฉาย ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของซีรีส์และภาพยนตร์ในปัจจุบัน ที่เรตติ้งมีผลอย่างมากในการตัดสินใจที่จะเดินหน้าต่อของสตูดิโอต่าง ๆ แต่ผิดกับตัวซีรีส์นี้ที่ทาง Greekworldwide เว็บไซต์ชื่อดังของเหล่าผู้ชื่นชอบ Pop Culture ได้นำเสนอข่าวว่าทาง Netflix ชอบมากและอาจจะมี Season 2 ทันที The Witcher ฉบับ Netflix ยังไม่ประกาศวันฉายอย่างเป็นทางการ แต่ล่าสุดเหมือนมีข่าวหลุดว่าซีรีส์นี้เตรียมที่จะฉายในวันที่ 17 ธันวาคม 2019 ใครที่เป็นสาวกซีรีส์นี้ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่  
20 Sep 2019
Netflix ยืนยัน !! The Witcher ยังไม่มีวันฉายแน่นอน แต่มา Q4 ปีนี้แน่
ตอนแรกเริ่มมีข่าวลือเกี่ยวกับซีรีส์ The Witcher ทาง Netflix ที่จะมีกำหนดฉายในอีกไม่ถึง 1 เดือน เริ่มจากมีชายคนหนึ่งนามว่า Giovanni Eūgene Altamarquéz ที่อ้างว่าตัวเองนั้นเป็น Executive Producer ของทาง Netfilx ได้บอกว่าซีรีส์ The Witcher นี้รวมถึงเรื่องอื่นๆ อย่าง Mindhunter, 13 Reasons Why, Queer Eye อาจจะปล่อยออกมาในเดือนตุลาคมนี้ รวมถึงเขายังโพสว่าตัวซีรีส์นี้การถ่ายทำนั้นเสร็จสิ้นแล้ว อาจจะมีต้องถ่ายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรีแคสนักแสดง ซึ่งในประเด็นนี้ทำให้หลายๆ คนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งทาง thewitcher.tv เองได้ไปสัมภาษณ์กับทาง Netflix โดยตรงและได้ข้อมูลออกมาว่า Giovanni Eūgene Altamarquéz ไม่ได้เป็นพนักงาน, ฟรีแลนซ์ หรือผู้รับเหมาของ Netflix แต่อย่างใด รวมถึงทาง Twitter ของเจ้าตัวเองก็ถูกลบออก เนื่องจากละเมิดกฎ และบัญชี The Medium ก็ลบเนื้อหานี้ด้วยเช่นกัน จึงเดาได้เลยว่า ข่าวลือเรื่องของ The Witcher ฉบับซีรีส์มีกำหนดฉายในเดือนตุลาคมนี้น่าจะไม่ใช่เรื่องจริง https://www.youtube.com/watch?v=cSqi-8kAMmM ซึ่งในตอนนี้ทาง Netflix เองได้คอนเฟิร์มเพียงแค่ว่าตัวซีรีส์ The Witcher นี้จะมีกำหนดฉายในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2019 นี้เท่านั้น คือช่วงเดือนกันยายน ไปจนถึงสิ้นปี แต่ยังไม่มีวันที่แน่ๆ อย่างเป็นทางการในตอนนี้ ซึ่งเราก็ต้องรอดูกันต่อไป แต่ก็รู้ได้อย่างเดียวว่าอีกไม่กี่เดือน เราก็จะได้ดูซีรีส์นี้แน่นอน
02 Sep 2019
เผยคลิป Henry Cavill กับบท Geralt ใน Witcher Netflix พร้อมประกาศนักแสดง Triss
อย่างที่รู้กันว่านักแสดงฮอลลีวูดอย่าง Henry Cavill จะมารับบทเป็น Geralt of Rivia ตัวเอกจากเกม Witcher ที่กำลังถ่ายทำเป็นซีรีส์โดย Netflix ซึ่งล่าสุดได้มีการเผยภาพหลุดออกมาให้เราได้เห็นแล้วเป็นคลิปวิดีโอผ่านทาง Twitter ของทาง Netflix โดยตรง Get your first look at Henry Cavill in The Witcher! pic.twitter.com/1O2eWS1MkP — Netflix US (@netflix) 31 ตุลาคม 2561 รวมถึงมีการยืนยันออกมาอีกว่านักแสดงที่จะมารับบทเป็น Triss Merigold ก็คือ Anna Shaffer ที่เคยรับบทเป็น Romilda Vane นักแสดงสบทบจากหนังเรื่อง Harry Potter มาก่อนอีกด้วย โดยซีรีส์ The Witcher Netflix Series นั้นทางผู้กำกับบอกว่าเราอาจจะได้ดูในช่วงปี 2020 โน่นเลย ซึ่งเกม The Witcher เป็นเกม RPG จากทางผู้พัฒนา CD Projeckt Red ที่ได้รับคำวิจารณ์ยอดเยี่ยมมากๆ ด้วยเนื้อเรื่องที่ยอดเยี่ยม วิธ๊การเล่นแบบฉบับ RPG แท้ๆ มีแนวทางให้เราเลือกตอบหลากหลาย และมีผลในอนาคต โดยตัวเกมออกมาทั้งหมด 3 ภาค ขอบคุณข้อมูลจาก VG247
01 Nov 2018
The Witcher: TV Series ได้นักแสดงที่จะรับบทเป็น Siri และ Yennefer แล้ว
กำลังอยู่ในขั้นตอนการค้นหานักแสดงกันอยู่ในตอนนี้กับ The Witcher: TV Series จากทาง Netfilx ซึ่งอย่างที่เรารู้กันว่าอดีต Superman จากหนังเรื่อง Man of steel อย่าง Henry Cavil ก็ได้มารับบทเป็นตัวเอกอย่าง Geralt of Rivia อีกด้วย ซึ่งล่าสุดก็ได้มีการอัพเดตเพิ่มเติมเกี่ยวกับนักแสดงที่จะมารับบทเป็นตัวละครสำคัญอย่าง Siri และ Yennefer แล้วตามรูปด้านล่าง Freya Allan (รับบทเป็น Ciri) Anya Chalotra (รับบทเป็น Yennefer) ซึ่งจากข่าวเมื่อไม่นานมานี้ที่บอกว่าตัวละคร Ciri จะถูกรับบทโดยคนผิวสีดูท่าว่าจะเป็นเพียงแค่ข่าวลือซะมากกว่า โดยตัวซีรีส์นี้ก็จะมีกำหนดออกอากาศในปี 2020 โดยเราก็จะต้องตั้งตาเฝ้ารอกันต่อไปว่าใครจะเข้ามารับบทตัวละครอื่นๆ อีก (น้กแสดงทั้งหมดในตอนนี้ที่ประกาศออกมา) โดย The Witcher เป็นซีรีส์เกมที่ถูกสร้างโดยทีม CD Projekt Red จากประเทศโปแลนด์อ้างอิงจากนิยายของนักเขียนอย่าง Andrzej Sapowski โดยตัวเกมได้รับคำวิจารณ์ที่ดีมากๆ ในเรื่องของเนื้อเรื่องที่ยอดเยี่ยม, มีการเลือกตอบคำถามจาก NPC ที่จะมีผลกระทบต่อเนื้อเรื่องต่อๆ ไป ซึ่ง The Witcher 3: Wild Hunt ได้รับรางวัล Game of the years จากทาง Game Awards ปี 2015 อีกด้วย โดยตัวเกมลงให้กับเครื่อง PC, PS4 และ Xbox One [ LINK ] ขอบคุณข้อมูลจาก gizmodo
11 Oct 2018
ผู้สร้างซีรี่ย์ The Witcher ประกาศพักเล่นทวิตเตอร์หลังเจอกระแสลบจากแฟนๆ
หลังจากที่มีกระแสต้านจากแฟนๆ จากข่าวการคัดตัวนักแสดงของตัวละคร Ciri ในซีรี่ย์ The Witcher ของ Netflix ล่าสุดผู้สร้างซีรี่ย์คุณ Lauren Hissrich ได้ออกมาประกาศการพักเล่นทวิตเตอร์ซักพัก เพื่อทุ่มเทกับการเขียนบทซีรี่ย์ให้เสร็จ และเพื่อหลีกเลี่ยงเสียงด่าทอของแฟนๆ ที่ไม่พอใจในโลกออนไลน์ Its time for a Twitter hiatus. The love here is amazing, and the hate is enlightening, like a real-life Trial of the Grasses, except I HAVE to read less and write more -- or we wont have a damn finale. Be back soon with more insight and more Roach. Be nice to each other, okay? — Lauren S. Hissrich (@LHissrich) September 10, 2018 คุณ Lauren กล่าวในข้อความว่า ถึงเวลาเลิกเล่นทวิตเตอร์ซักพักแล้ว กำลังใจจากทุกคนน่าทึ่งมาก แต่ความเกลียดชังของบางคนก็ทำให้ตาสว่าง เหมือนผ่านด่าน Trial of the Grasses (การทดสอบเพื่อเปลี่ยนเป็น Witcher) แต่ฉันคงต้องอ่านข้อความให้น้อยลงแล้วหันมาเขียนบทให้เยอะขึ้น ไม่งั้นจะไม่มีตอนจบซะที เดี๋ยวจะกลับมาในไม่ช้าพร้อมข้อมูลใหม่ๆ นะจ๊ะ คุยกันดีๆ นะ โอเค๊? ก่อนจากไป คุณ Lauren ยังตอบโต้ผู้ที่ไม่พอใจเรื่องการคัดตัวนักแสดงที่ไม่ใช่คนขาว และโจมตีเธอว่ากำลังบิดเบือนหน้าหาในหนังสือนิยาย The Witcher โดยคุณ Lauren บอกว่าเธอไม่ได้มีความต้องการจะเปลี่ยนเชื้อชาติหรือเพศของตัวละครตามใจชอบเพื่อตอบสนองกระแสความหัวก้าวหน้าในโลกออนไลน์ แต่เป็นความเห็นจากตัวผู้เขียนนิยายดั้งเดิมคุณ Andrzej Sapkowski ที่บอกเธอด้วยตัวเองว่าทวีปที่ตั้ง The Witcher เป็นทวีปที่มีความหลากหลายใรทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของชนชาติ วัฒนธรรม และเพศ รวมไปถึงสีผิวของผู้คนด้วย ทั้งนี้ แม้ว่าแฟนๆ ของซีรี่ย์ The Witcher ส่วนใหญ่ทุกวันนี้จะรู้จักกับซีรี่ย์ผ่านเกมเป็นหลัก แต่ต้องไม่ลืมว่าดั้งเดิมแล้วซีรี่ย์ถือกำเนิดในฐานะหนังสือนิยายก่อนเป็นอันดับแรก ภาพตัวละครจากเกมของ CD Projekt Red ก็เป็นภาพที่ค่ายจินตนาการขึ้นมาเองจากคำบรรยายในนิยาย จึงไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นภาพ ดั้งเดิม ได้เช่นกัน ซีรี่ย์ The Witcher มีแนวโน้มจะได้ปล่อยฉายทาง Netflix ภายในปี 2019 (ขอบคุณข้อมูลจาก ResetEra)
13 Sep 2018
เผยรายละเอียด Ciri ในซีรี่ย์ The Witcher | ผกก. บอกอาจได้ฉายเร็วกว่าที่คิด
เป็นที่จับตาโดยแฟนเกมทั่วโลกสำหรับซีรี่ย์ The Witcher จาก Netflix ที่ล่าสุดได้เผยรายละเอียดตัวละคร Ciri สำหรับการคัดตัวนักแสดงออกมาแล้ว ซึ่งเปิดเผยข้อมูลน่าสนใจมากมายสำหรับตัวละคร สำหรับข้อมูลข้อแรก ซึ่งน่าจะเป็นข้อที่พูดถึงกันเยอะที่สุด การคัดตัวนักแสดงในครั้งนี้ผู้สร้างซีรี่ย์ประกาศหานักแสดง BAME (ย่อมาจาก Black, Asian, minority ethnic หรือพูดง่ายๆ คือไม่ใช่คนขาว) อายุ 15-16 ปี  เพื่อรับบท Ciri ในอายุ 13-14 ซึ่งชาวเน็ตหลายคนพากันแสดงความไม่พอใจที่ Ciri จะไม่ได้เป็นคนขาวเหมือนในเกม โดยบางคนบอกว่าเนื้อเรื่อง The Witcher ตั้งอยู่ในประเทศโปแลนด์ จึงไม่ค่อยสมเหตุสมผลที่จะให้ตัวละครเป็นคนชนชาติอื่น ในคำประกาศคัดตัวได้อธิบายถึงตัวละคร Ciri เอาไว้ดังนี้: Ciri เป็นเด็กสาวที่มักจะใช้เวลาไปกับการเล่นต่อสู้กับเหล่าข้ารับใช้มากกว่าการนั่งแต่งตัวสวยๆ อยู่ข้างๆ ราชินี Calanthe ผู้เป็นยาย จนกระทั่งดินแดน Cintra ได้ถูกบุกโจมตีจากพวก Nilfgaardian จน Ciri ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าและออกเดินทางไปทั่วดินแดนตามลำพัง Ciri หารู้ไม่ว่าตนคือผู้สืบเชื้อสายตรงจากนักเวทย์ชาวเอล์ฟ Lara Dorren ซึ่งเป็นเหตุผลที่ตัวละครทุกตัวในซีรี่ย์ต่างไล่ตามเธอ โดยซีรี่ย์จะติดตาม Ciri ในขณะที่เธอหลบหนีจากผู้ไม่หวังดีและค้นพบความสามารถด้านเวทย์มนตร์ ด้านมืดภายในใจ และบทบาทที่เธอต้องเล่นในหายนะที่กำลังจะมาถึง Ciri จะได้พบกับ Geralt และ Yennefer เข้า โดยทั้งสองรู้ทันทีว่าจะต้องปกป้องเด็กผู้หญิงที่อาจจะนำมาซึ่งจุดจบขอโลก ทั้งสามจึงร่วมกันเดินทางไปในดินแดนแห่งโลก The Witcher นอกจากนี้ ผู้กำกับของซีรี่ย์คุณ Lauren Hissrich ยังได้เผยผ่านทวิตเตอร์ว่าซีรี่ย์อาจจะได้ออกฉายจริงเร็วกว่าที่หลายๆ คนคาดไว้! Some shiny new updates here... Thanks, @netflix! ?♥️ pic.twitter.com/q6qUO3bmy3 — Lauren S. Hissrich (@LHissrich) September 6, 2018 ข้อความดังกล่าวเป็นภาพ Placeholder (ภาพเบื้องต้นที่ใช้ก่อนมีภาพจริง) ของซีรี่ย์ใน Netflix ซึ่งภายใต้ภาพได้เผยช่วงเวลาฉายเอาไว้ว่าปี 2019 ซึ่งเร็วกว่าความคาดหมายของหลายๆ คนที่เชื่อว่าซีรี่ย์น่าจะได้ฉายจริงๆ ในปี 2020 มากกว่า ทั้งนี้ ผู้สร้างซีรี่ย์ได้เคยประกาศออกมาก่อนหน้านี้ว่าซีรี่ย์มีกำหนดเปิดกล้องถ่ายทำในช่วงเดือนตุลาคมของปีนี้ และคาดว่าน่าจะถ่ายทำเสร็จในช่วงเดือนพฤษภาคนปีหน้า โดยในขณะนี้ซีรี่ย์ยังมีอะไรต้องทำอีกเยอะกว่าจะได้ถ่ายทำ เช่นการคัดตัวนักแสดง ที่ปัจจุบันเพิ่งจะมีดาราที่ยืนยันแล้วเพียงคนเดียวคือนักแสดงที่จะรับบท Geralt อย่าง Henry Cavill (Man of Steel, Mission Impossible: Fallout) ในขณะที่บท Yennefer (อ่านบทหลุดที่ใช้คัดตัวนักแสดง ที่นี่) และ Ciri รวมไปถึงตัวละครอื่นๆ ยังไม่ได้หานักแสดงด้วยซ้ำ (ขอบคุณข้อมูลจาก PCGamesN)
10 Sep 2018